• March 13, 2022

    Resveratrol (เรสเวอราทรอล) สารกลุ่ม Polyphenol
    พบมากใน ผักไผ่ญี่ปุ่น (Polygonum cuspidatum) องุ่น และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่
    พบในไวน์แดง ด้วย

    Resveratrol ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ จึงเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้
    สาร Resveratrol สามารถลดการเกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง และยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งหลายชนิดในจานเพาะเชื้อได้ เช่น เซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับ เป็นต้น
    ผลการศึกษาในคนยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่ามีผลต่อการรักษามะเร็งโดยตรง

    พบมากในผิวองุ่น นอกจากนี้ยังพบได้ในเบอร์รี่ ถั่วพีนัท ช่วยชะลอวัย บำรุงหัวใจและหลอดเลือด
    ช่วยกระตุ้นยีน SIRT1 ในร่างกายของเรา ซึ่งยีนนี้เองจะช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ อันเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ และ ป้องกันโรคอ้วน

    • บำรุงหัวใจและหลอดเลือด เรสเวอราทรอลช่วยในเรื่องลดการอักเสบ ลดไขมันเลว LDL cholesterol ลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
    • เบาหวาน พบว่าเรสเวอราทรอลช่วยลดการดื้ออินซูลิน ซึ่งภาวะดื้ออินซูลินนี้เองที่จะนำไปสู่การเป็นเบาหวานในอนาคต
    • อัลไซเมอร์ พบว่าอาจช่วยในการปกป้องเซลล์ประสาทจากการถูกทำลาย
    • มะเร็ง เรสเวอราทรอลช่วยจำกัดการกระจายของเชื้อมะเร็ง และช่วยในการฆ่าเซลล์มะเร็ง

    ในงานวิจัยขนาดรับประทานที่พบว่าได้ประโยชน์คือประมาณวันละ 2 กรัมหรือมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ขนาดที่พบว่าจำหน่ายในอาหารเสริมทั่วไปจะต่ำกว่ามาก คือ ประมาณ 100, 250, 500 มิลลิกรัม เท่านั้น

    การวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารของฟินแลนด์ เมื่อปี 2007

    การดื่มไวน์วันละแก้ว จะทำให้ร่างกายได้รับสารเรสเวอราทรอล ช่วยชะลอวัย ห่างไกลความแก่อย่างเห็นผลชัดเจน ชาวยุโรปทราบความลับข้อนี้ดี จึงนิยมดื่มไวน์วันละแก้วเป็นประจำ

    ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และมหาวิทยาลัยวียู อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ยังพบว่า
    การดื่มไวน์จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โดยสารเรสเวอราทรอลสามารถเปลี่ยนแปลงระดับไขมันคอเลสเทอรอลในเลือด โดยเพิ่มระดับของ HDL หรือคอเลสเทอรอลแบบดีให้สูงขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้เลือดเกาะกันเป็นก้อน การดื่มไวน์เพียงวันละหนึ่งแก้วจึงช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจ และช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม แถมยังป้องกันโรคเบาหวานด้วย

    พบการศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า ไวน์แดงมีสาร Resveratrol (ที่พบในผิวหนังและเมล็ดองุ่น) ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด โดยการไปเพิ่ม HDL (“ดี” คอเลสเตอรอล) และเป็นการป้องกันไม่ให้เลือดเกาะกันเป็นก้อน เพราะฉะนั้นการดื่มไวน์แดง 1-2 แก้ว จะช่วยทำให้ลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจได้ถึง 30-40%

    ผลการศึกษาจากอาสาสมัคร 4,000 คน เป็นเวลา 1 ปี โดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย 5 แห่ง พบว่า
    ผู้ดื่มไวน์มากกว่าวันละ 2 แก้ว จะเป็นหวัดน้อยกว่าผู้ไม่ดื่มไวน์ถึง 44%
    การดื่มไวน์แดงวันละ 1 แก้ว จะช่วยป้องกันหวัดได้เหมือนกัน
    นักวิจัยยังพบว่าไวน์แดงช่วยลดความจำเสื่อม บำรุงสมองส่วนความจำได้ สาร resveratrol ในไวน์แดง มีผลในการป้องกันการเสื่อมของสมองในหนูทดลอง แต่ไม่ได้ทำการทดสอบในมนุษย์

    สำหรับผู้สูงวัยแล้วควรดื่มไวน์แดงแต่พอเหมาะ ประมาณ 1-2 แก้ว เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากไวน์ 1 แก้ว มีประมาณ 120 มล. (4 ออนซ์) สำหรับไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ราวร้อยละ 12 แต่ดื่มได้มากกว่านี้หากเป็นไวน์ไม่มีแอลกอฮอล์ สมาคมหัวใจอเมริกันยังเตือนผู้คนไม่ให้ดื่มไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ หากพวกเขายังไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาก่อน

    เรสเวอราทรอล ออกฤทธิ์คล้ายอินซูลิน จึงช่วยลดโรคเบาหวาน ต้านการสันดาปของคอเลสเตอรอลชนิดเลว จึงลดไขมันอุดตันในหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ วิทยาลัยการแพทย์มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต รายงานว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี เรสเวอราทรอล ยับยั้งการก่อตัวของสารอุดตันในหัวใจ (Cardiac fibroblasts) จึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ 


               วิทยาลัยแพทย์มหาวิทยาลัยคอร์แนล รายงานว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีเรสเวอราทรอล ช่วยลดการก่อตัวของสารอุดตัน(Plaque) ในสมอง ลดการทำลายเซลล์ประสาทในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ และลดการอักเสบ

               เมล็ดองุ่น และไวน์แดงแล้ว ถั่วลิสงต้ม จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสารอาหารชนิดนี้ เนื่องจากพบว่าในถั่วลิสง มีเรสเวอราทรอล มากกว่า เมล็ดองุ่น และไวน์แดง เมื่อเทียบปริมาณเรสเวอราทรอล ต่ออาหาร 100 กรัม

    เรสเวอราทรอล (Resveratrol) คือสารที่พบในไวน์ เปลือกองุ่นแดง น้ำองุ่นม่วง มัลเบอร์รี่ และพบปริมาณน้อยในถั่วลิสง เรสเวอราทรอลถูกใช้สำหรับ ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (atherosclerosis) ลดระดับของคอเลสเตอรอลไขมัน “เลว” (LDL) เพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลไขมัน “ดี” (HDL) และป้องกันมะเร็ง

    การทำงานของ เรสเวอราทรอล
    ยังไม่มีงานวิจัยมากพอที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของเรสเวอราทรอล เรสเวอราทรอลอาจจะช่วยขยายหลอดเลือด และลดการทำงานของเซลล์ที่สำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่า เรสเวอราทอลจะทำให้ประสิทธิภาพของเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ลดลง และอาจจะทำให้ลดอาการปวดและบวมได้ (การอักเสบ)

    หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากขณะที่คุณตั้งใจว่าจะให้นมบุตร หรือกำลังให้นมบุตร คุณควรจะใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
    หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ นี่รวมไปถึงยาที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งสามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
    หากคุณมีอาการแพ้สารเรสเวอราทรอล ยาอื่นๆ หรือสมุนไพรอื่นๆ
    หากคุณมีโรคอื่นๆ มีความผิดปกติ หรือมีอาการใดๆ
    หากคุณมีอาการภูมิแพ้อื่นๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีย้อม แพ้สารกันบูด หรือแพ้สัตว์
    ข้อบังคับในการใช้อาหาเสริมนั้น มีเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับในการใช้ยา ยังต้องการงานวิจัยอีกมาก เพื่อบ่งชี้ความปลอดภัย ประโยชน์ของอาหารเสริมนี้ จะต้องมีมากกว่าความเสี่ยงก่อนที่จะใช้งาน โปรดปรึกษากับแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

    ความปลอดภัยของเรสเวอราทรอล
    เรสเวอราทรอลมีแนวโน้มที่จะปลอดภัย หากใช้ในปริมาณเท่ากับที่พบในอาหาร และหากรับประทานในปริมาณไม่เกิน 250 มก. ต่อวัน เป็นเวลาไม่เกิน 3 เดือน ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 900 มก. ในระยะเวลาไม่เกิน 2 วัน สามารถทาเรสเวอราทรอลบนผิวหนังได้อย่างปลอดภัยไม่เกิน 30 วัน

    สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร

    เรสเวอราทรอลมีแนวโน้มว่าจะปลอดภัย เมื่อใช้ในขนาดเท่ากับที่พบในอาหาร อย่างไรก็ตาม ขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร แหล่งที่มาของเรสเวอราทรอลเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ เนื่องจากเรสเวอราทรอลสามาถพบได้ในเปลือกองุ่น น้ำองุ่น ไวน์ และแหล่งอาหารอื่นๆ ซึ่งไม่ควรใช้ไวน์เป็นแหล่งของเรสเวอราทรอลขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร

    ภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding disorder)

    เรสเวอราทรอลอาจจะชะลอการแข็งตัวของเลือด ในทางทฤษฏีแล้ว เรสเวอราทรอลอาจจะเพิ่มความเสี่ยงของการตกเลือด ในคนที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ

    อาการที่รู้สึกไวต่อฮอร์โมน (Hormone-sensitive condition)
    เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเนื้องอกมดลูก (uterine fibroids) เรสเวอราทรอลอาจจะทำหน้าที่คล้ายเอสโทรเจน หากคุณมีอาการใดๆ ที่อาจจะแย่ลงได้หากสัมผัสกับเอสโทรเจน และห้ามใช้เรสเวอราทรอล

    การผ่าตัด
    เรสเวอราทรอลอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการตกเลือดในขณะผ่าตัดและหลังการผ่าตัด หยุดใช้เรสเวอราทรอลอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนกำหนดการผ่าตัด

    เรสเวอราทรอลอาจจะมีปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ หรืออาการของคุณ ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนการใช้ยา

    สิ่งที่อาจทำปฏิกิริยาต่อเรสเวอราทรอลมีดังนี้
    ยาที่จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยตับ ด้วยไซโตโครม พี450 3เอ4 (Cytochrome P450 3A4) (ยาที่เป็นซับสเตรทของ CYP3A4)
    ยาบางตัวอาจจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยตับ เรสเวอราทรอลอาจจะลดความเร็วในการที่ตับย่อยสลายยาบางชนิด การรับประทานเรสเวอราทรอลพร้อมกับยาบางชนิด ที่จะถูกย่อยสลายโดยตับ สามารถลดประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยาบางชนิดได้ ก่อนรับประทานเรสเวอราทรอล ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนว่า คุณกำลังใช้ยาที่จะถูกเปลี่ยนโดยตับหรือไม่

    ยาบางชนิดที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยตับประกอบด้วยยาโลวาสตาติน (lovastatin) หรือยาเมวาคอร์ (Mevacor) ยาคีโตโคนาโซล (ketoconazole) หรือยาไนโซรอล (Nizoral) ยาไอตราโคนาโซล (itraconazole) หรือยาสปอรานอกซ์ (Sporanox) ยาเฟกโซเฟนาดีน (fexofenadine) หรือยาอัลเลกรา (Allegra) ยาไตรอะโซแลม (triazolam) หรือยาฮัลเซียน (Halcion) และยาอื่นๆ อีกมากมาย

    ยาที่ชะลอการแข็งตัวของเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant) หรือ ยาต้านเกล็ดเลือด (Antiplatelet drugs)
    เรสเวอราทรอลอาจชะลอการแข็งตัวของเลือดได้ การรับประทานเรสเวอราทรอล พร้อมกับยาที่ชะลอการแข็งตัวของเลือด อาจจะเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยช้ำและเลือดออกได้มากขึ้น

    ยาบางชนิดที่ชะลอการแข็งตัวของเลือด ได้แก่
    ยาแอสไพริน ยาโคลพิโดเกรล (clopidogrel)
    ยาพลาวิกซ์ (Plavix)
    ยาในกลุ่มไดโคลฟีแนค (diclofenac) เช่น โวลทาเรน (Voltaren) หรือยาคาตาแฟรม (Cataflam) ยาไอบูโพรเฟน อย่างแอดวิล (Advil) มอทริน (Motrin) หรืออื่นๆ
    ยานาพรอกเซน (naproxen) เช่น อนาพรอก (Anaprox) นาโพรซิน (Naprosyn) หรืออื่นๆ
    ยาดาลเทพาริน (dalteparin) เช่น แฟร็กมิน (Fragmin) ยาอีนอกซาพาริน (enoxaparin) เช่น โลเวน็อกซ์ (Lovenox) ยาเฮพาริน (heparin) ยาวาฟาริน (warfarin) เช่น คูมาดิน (Coumadin) และอื่นๆ

    ขนาดยา
    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

    ขนาดการใช้เรสเวอราทรอล
    ขนาดเรสเวอราทรอลอาจแตกต่างกันสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน ปริมาณที่คุณจะใช้นั้นขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพและเงื่อนไขอื่นๆ อาหารเสริมนั้นไม่ได้ปลอดภัยเสมอ โปรดปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณที่เหมาะสม

    สารสกัดจากองุ่น ช่วยยืดอายุขัยของเซลล์

    องุ่นประกอบด้วยสารสำคัญสองอย่างคือ
    1.เรสเวอราทรอล (Resveratrol) พบมากในผิวองุ่น
    2.OPC (Oligomeric, proanthocyanidin, Proanthocyanidin, Pycnogenol) พบมากในเมล็ด

    นักวิจัยจากฮาร์เวิร์ดได้ทำการทดลองแล้วพบว่า
    Resveratrol สามารถยืดอายุขัยของเซลล์ได้ โดยไปกระตุ้นยีน Sirtuin 2 ซึ่งเป็นยีนที่มีบทบาทในการยืดอายุเซลล์ให้มีชีวิตยืนยาว
    เรสเวอราทรอลยังมีประโยชน์ในการ
    – ป้องกันโรคหัวใจ
    – ช่วยยับยั้งการเกาะกันของเกล็ดเลือด
    – ลดไขมันตัวไม่ดี (LDL Cholesterol)
    – ป้องกันการเกิดมะเร็ง ผ่านการกระตุ้นยีนกดการทำงานของมะเร็งได้อีกด้วย

    สาร OPC พบได้ในผลิตภัณฑ์พวก Grape seed extract
    มีการศึกษาพบว่า การรับประทาน OPC เปรียบเสมือนมีสารกันแดดจากภายใน เพราะ OPC ช่วยลดการถูกทำลายจากแสงยูวีของเซลล์ผิวหนังลงได้ถึง 15% และยังช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนได้

    Resveratrol พบมากในเปลือกองุ่นแดงที่นำมาสกัดเป็นไวน์แดง

    มีประโยชน์ตั้งแต่เปลือกยันเมล็ด ทุกส่วนอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ส่วนใหญ่นิยมนำมาเป็นผลิตภัณท์บำรุงผิว และความงามหลายประเภท สามารถช่วยเร่งการสังเคราะห์ มีประโยชน์ในเรื่องของการชะลอวัย ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว โดยไปกระตุ้นคอลลาเจนใต้เซลล์ผิว ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส และให้ผิวสามารถต่อต้านการอักเสบ ออกฤทธิ์ได้ยาวนาน มีความเสถียรสูง ลดริ้วรอย ปรับสีผิวให้สว่างใส ผิวเนียนนุ่มและกระชับ
     
    เรสเวอราทรอล ป้องกันโรคของมนุษย์ได้หลายชนิด
    ในองุ่นมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าพืชชนิดอื่น ๆ
    องุ่นแดงมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าองุ่นเขียว
    เปลือกผลและเมล็ดมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าในเนื้อองุ่นหลายเท่า

    เรสเวอราทรอลมีสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลเสรีที่มีประสิทธิภาพสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสารอื่น ๆ ที่มีสมบัติเป็นตัวต้านออกซิเดชัน (antioxidant) เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี จึงมีการสกัดสารเรสเวอราทรอลจากผลองุ่น และทำเป็นเม็ดเพื่อเป็นอาหารเสริมสำหรับสุขภาพและจำหน่าย ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องดื่มไวน์แดง แต่สามารถซื้อสารเรสเวอราทรอลที่เป็นเม็ดและได้ประโยชน์แก่สุขภาพมากกว่าการดื่มไวน์แดง

    Resveratrol เป็นสารประกอบจากพืชโพลีฟีนอลตามธรรมชาติที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
    พบมากใน ถั่วลิสง ผลหม่อน ดาร์กช็อกโกแลต เมล็ดองุ่น น้ำองุ่นแดง และไวน์แดง

    Resveratrol ออกฤทธิ์คล้ายอินซูลิน จึงช่วยลดโรคเบาหวาน ต้านการสันดาปของคอเลสเตอรอลชนิดเลว จึงลดไขมันอุดตันในหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ

    วิทยาลัยการแพทย์มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต รายงานว่า
    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี เรสเวอราทรอล ยับยั้งการก่อตัวของสารอุดตันในหัวใจ (Cardiac fibroblasts) จึงช่วยลดการเกิดโรคหัวใจ

    การศึกษาด้านฤทธิ์ของสารสกัดจากในการ Resveratrol ต้านกระบวนการออกซิเดชั่นที่เกี่ยวกับการอักเสบและการต้านอนุมูลอิสระ (antioxidative) พบว่า
    สารสกัดจาก Resveratrol มีฤทธิ์ต้านกระบวนการออกซิเดชั่นสูงกว่าใบชาเขียวถึง 3 เท่า
    โดยสารสกัดจาก Resveratrol มีสารโพลีฟีนอลเท่ากับ 5 mmol/L ซึ่งเข้มข้นกว่าในกลุ่มน้ำผลไม้อื่น ๆ เช่น ส้ม องุ่น แครนเบอร์รี่ ลูกแพร์ แอปเปิ้ล ซึ่งมีความเข้มข้นน้อยกว่า 1.3-4 mmol/L และยังมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระได้สูง โดยสามารถยับยั้งฤทธิ์ต้านกระบวนการออกซิเดชั่นของไขมันชนิดแอลดีแอลชนิด copper ion-induced LDL oxidation ได้ถึง 94% และฤทธิ์ต้านกระบวนการเปอร์ออกซิเดชั่นของไขมัน (lipid peroxidation) ได้สูงถึง 38%

    สำหรับงานวิจัยในคนมีการศึกษาในอาสาสมัครสุขภาพดี  นอกจากนี้มีงานวิจัยศึกษาในผู้ป่วยโรคเบาหวานพบว่าสารสกัดจาก Resveratrol ลดสารอนุมูลอิสระได้ถึง 56% ภายในระยะเวลา 3 เดือนหลังรับประทาน และในเรื่องของ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจเป็นเซลล์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและขาดเลือด
    โดยทำให้มีการสะสมไขมันในเซลล์ (foam cell) และที่ผนังหลอดเลือดแดงของหัวใจผ่านกระบวนการ macrophage lipid peroxidation34 งานวิจัยในหนูทดลองที่กินสารสกัดจาก Resveratrol พบว่าสามารถลดการสะสมไขมันชนิดคอเลสเตอรอลและไขมันชนิดแอลดีแอลในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานและยืนยันเช่นเดียวกันว่า การรับประทานสารสกัดจาก Resveratrol สามารถลดการสะสมไขมันชนิดแอลดีแอลในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจได้ และยังพบว่าสารสกัดจาก Resveratrol สามารถลดไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาจในหนูทดลองอีกด้วย
     
    Resveratrol ทำงานอย่างไรบ้าง

    สารสกัด Resveratrol ทำงานโดยปกป้อง DNA ของเซลล์ของเรา เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุด สารต้านอนุมูลอิสระทำงานโดยช่วยในการป้องกันความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเป็นอะตอมที่ไม่เสถียรที่ถูกแสงแดดและมลพิษและการเผาผลาญไขมันตามธรรมชาติในร่างกายของเราซึ่งสามารถนำไปสู่การเสื่อมของสมองมะเร็งและอายุ
     
    ประโยชน์ของResveratrol 
     
      1.ช่วยในเรื่องของการชะลอความชรา (Antiaging)
      2.ทำหน้าที่เสมือนสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) กำจัดสารอนุมูลอิสระและสารพิษต่างๆ
      3. ในร่างกาย ทำให้เซลล์มีสุขภาพดีขึ้นและยังช่วยดูแลสุขภาพของหลอดเลือดหัวใจ
      4.ช่วยต่อสู้กับความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ และสนับสนุนการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย
      5.ช่วยบำรุงการทำงานของเส้นประสาทสัมผัสในสมอง / รักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วย
      6.ลดระดับความดันโลหิต
      7.ลดการเจริญของโรคทางสมอง เช่น โรค alzheimer
      8. มีประสิทธิภาพช่วยทำให้สิวลดลง ให้รูขุมขนสะอาดหมดจด ยังช่วยกำจัดความมันบนใบหน้าที่ก่อให้เกิดสิว หรือสิวอักเสบ รักษาผิวที่ไม่เรียบเนียน และช่วยสร้างเกราะกำบังให้ผิว ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดได้
      9.ไวน์แดงสามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้กลับช่วยฟื้นฟูผิวได้มีประสิทธิภาพ และทำให้ผิวสดชื่นขึ้น
      10.ปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อม ฝุ่นละออง สิ่งสกปรก รังสียูวีจากแสงแดด ตัวการทำลายผิว ทำให้ผิวพรรณแห้งกร้าน เหี่ยวย่นก่อนวัย
      11.องุ่นแดงอุดมไปด้วยวิตามินเค วิตามินซี ธาตุเหล็ก รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมโดยการปกป้องรูขุมขนบนหนังศีรษะ ลดอาการผมร่วง เพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาให้แข็งแรง

    Resveratrol & โรคต่างๆ
    ●      บำรุงหัวใจและหลอดเลือด เรสเวอราทรอลช่วยในเรื่องลดการอักเสบ ลดไขมันเลว LDL cholesterol ลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
    ●      เบาหวาน เรสเวอราทรอลช่วยลดการดื้ออินซูลิน ซึ่งภาวะดื้ออินซูลินนี้เองที่จะนำไปสู่การเป็นเบาหวานในอนาคต
    ●      อัลไซเมอร์ อาจช่วยในการปกป้องเซลล์ประสาทจากการถูกทำลาย
    ●      มะเร็ง เรสเวอราทรอลช่วยจำกัดการกระจายของเชื้อมะเร็ง และช่วยในการฆ่าเซลล์มะเร็ง
     

    การจิบไวน์อาจลดผลดีจากการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ

    แม้ว่าการใช้สารแอนติออกซิแดนท์เป็นเรื่องดี แต่การได้มากขึ้นมิใช่ว่าจะดีกว่า จากการศึกษาครั้งใหม่ในคนจำนวนไม่มากพบว่า สาร resveratrol ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติที่พบในองุ่นแดงและผลิตภัณฑ์ เช่น ไวน์แดง อาจไปลดผลดีที่ได้จากการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ

    การศึกษานี้ทำในผู้ชาย 27 คนที่มีสุขภาพดีแต่ไม่ค่อยออกกำลังกาย เป็นผู้ไม่สูบบุหรี่ มีอายุราว 65 ปี ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการเริ่มด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักในสถานออกกำลังกายของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน นาน 8 สัปดาห์ ในระหว่างนี้ครึ่งหนึ่งได้รับสาร resveratrol 250 mg ทุกวัน ส่วนที่เหลือได้รับยาหลอกซึ่งไม่มีสาร resveratrol โดยทั้งผู้วิจัยและผู้เข้าร่วมโครงการไม่ทราบว่าใครได้อะไร

    แม้ว่าการออกกำลังกายทำให้สุขภาพหัวใจดี การวิจัยนี้กลับพบว่า resveratrol มีฤทธิ์ตรงข้ามกับผลที่เกิดจากการออกกำลังกายในด้านความดันโลหิต ระดับของไขมันในเลือด และความสามารถในการขนส่งและใช้ออกซิเจนของร่างกาย

    กลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีความดันโลหิตต่ำกว่า และความเข้มข้นของ LDL หรือไขมันลดลง คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ลดลงหลังจากออกกำลังกาย 8 สัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับสาร resveratrol ที่ออกกำลังกายเหมือนกันไม่มีผลในการลดความดันโลหิต ไขมันในเลือด และมีการลดการใช้ออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญ

    นักวิจัยพบว่า สาร resveratrol ไม่มีผลต่อการเกิดเส้นเลือดแดงกระด้างหรือแข็งตัว ซึ่งผลการวิจัยที่ได้นี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ยังสงสัยกันว่า สาร resveratrol มีผลดีต่อร่างกายจริงหรือ ผลที่ได้จากการวิจัยนี้ยังไม่มีคำอธิบาย ยังไม่มีใครตอบได้ ยังคงเป็นปริศนา

    ส่วน Dr.Lasse GIiemann หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า มีข้อสันนิษฐานว่าอนุมูลอิสระ (ซึ่งถูกกำจัดโดยสารต้านออกซิเดชัน) ซึ่งเป็นตัวทำลายเซลล์ หากมีมากเกินไปอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองจากการออกกำลังกาย ดังนั้น เมื่อมีแอนติออกซิแดนท์มากเกินไปอาจไปกำจัดอนุมูลอิสระทั้งหมดจนไม่เหลือ และกำจัดผลที่เกิดจากการออกกำลังกาย

    การใช้แอนติออกซิแดนท์ปริมาณสูงไม่พบว่ามีประสิทธิภาพดีจากการศึกษาขนาดใหญ่หลายโครงการ บางคนเชื่อว่าคนเราต้องการ oxidation stress เพื่อการกระตุ้นผลดีที่เกิดจากการออกกำลังกายเช่นเดียวกับการเกิดอาการอักเสบ แต่การมีมากเกินไปกลับไม่เป็นผลดี

    สรุปคือ อนุมูลอิสระที่คิดว่าเป็นตัวทำให้เกิดการอักเสบ ทำให้แก่และทำให้เกิดโรค อาจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการมีสุขภาพดีของร่างกาย ดังนั้น การใช้สารต้านออกซิเดชัน ซึ่งเป็นตัวกำจัดอนุมูลอิสระ หากใช้มากไปกลับไม่เป็นผลดี แต่มากแค่ไหนยังคงต้องศึกษาต่อไป

    ชาเขียวกับการรักษามะเร็ง

    ชาเขียวมีสาร Catechin Polyphenol โดยเฉพาะสาร Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีอยู่มาก
    โดยมีคุณสมบัติเป็นสารต้านพิษ และยังช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อส่วนดี ช่วยลดระดับ LDL โคเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันการจับตัวของลิ่มเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการหัวใจวาย และลมชัก

    มีการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จากการดื่มชา กับประโยชน์ที่ได้จากการดื่มไวน์ ว่าทำไมชาวฝรั่งเศสจึงมีอัตราการป่วยด้วยโรคหัวใจน้อยกว่าชาวอเมริกัน ซึ้งทั้งสองประเทศบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะชาวฝรั่งเศสมักนิยมดื่มไวน์ซึ่งในไวน์แดงมีสาร Resveratrol ที่เป็น Polyphenol ที่สามารถลดอันตรายจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งสาร EGCG นั้น แรงเท่าๆ กับ Resveratrol ถึงเกือบ 2 เท่า เป็นการอธิบายว่าทำไมชาวญี่ปุ่นที่นิยมดื่มชาเขียวจึงมีอัตราการเสี่ยงโรคหัวใจค่อนข้างต่ำ แม้ว่าจะมีผู้สูบบุหรี่มากมายก็ตาม


เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories