• August 15, 2018

    ต่อไปจเรียกว่า woo

    ตั้งค่าพื้นฐาน woo-commerce
    1.เปลี่ยนภาษาเว็บเรา Settings > General > Site Language
    (เมนูการใช้งานหน้าควบคุม (Dashboard) ควรตั้งค่าเป็นภาษาอังกฤษ ง่ายต่อการค้นหาเรียนรู้ใน google )
    2.เปลียนภาษาเมนูบนหน้าควบคุม เปลี่ยนที่ User
    3.ติดตั้ง plugin woo
    4.เข้า Dashbord ไปที่ Run the Setup Wizard เพื่อเข้าสู่ตั้งค่าพื้นฐาน Woocommerce
    5.payment ให้ติ๊กเปิดใช้งาน Bank transfer (BACS) payments
    6.Shipping ปิดการใช้งานก่อน (จะได้ไม่สับสน ค่อยไปตั้งค่าจัดส่ง ในตอนหลัง)
    7.Recommended setup คลิก Skip this step เพื่อข้ามขั้นตอนนี้ไป
    8.Jetpack ให้เรีบคลิก Skip this step ไปเลย ตัว Jetpack (ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้)
    9.ถึงขั้นสุดท้าย กด Visit Dashboard เพื่อเข้าสู่ขั้นตอน ตั้งค่า ในส่วนอื่นๆต่อ
    10.ดูที่ page ได้มีการหน้าหรือยัง เช่น หน้า Cart, Checkout, My Account และ Shop(ถูกสร้างอัตโนมัติจาก wizard ตอนลงปลั๊กอิน)

    setting ของ woocommerce
    1.ตั้งค่าทั่วไป (General options)

    1.1หน้า General options ค่าพื้นฐานที่ ควรกำหนด
    Base location: ที่ตั้งร้านค้าเรา
    Selling location(s): เปิดขายของให้กับประเทศใดบ้าง
    Shipping location(s): จะเลือกจัดส่งให้กับประเทศใดบ้าง
    Currency: Thai baht
    Currency position: อาจเลือก Right with space
    Number of decimals: คือจุดทศนิยม ให้เราใส่เป็น 0 ไปก็ได้ (จะเสียเวลาถ้าต้องกรอกตัวเลข ทศนิยมเวลาใช้งานจริง)

    2.ตั้งค่า Products
    Products > General
    หากเราเป็นร้านค้าหน้าใหม่ให้เราปิดฟังชั่นนี้ไปก่อน กันคอมเมนต์ หรือรีวิวสินค้าของเราในแง่ลบ (ไม่ต้องติ๊กช่อง Enable ratings)

    ตั้งค่า Products Display option
    แสดงรูปภาพของสินค้าที่เราต้องการโชว์ ขนาดไหน สินค้าใดเรียงก่อน-หลัง (คลิกที่ Go see them in action here จะเข้าสู่หน้า Woocommerce customizing)

    คลิก Product Catalog ตำแหน่ง Default product sorting ซึ่งเป็น option ในหน้าแสดงสินค้า (catalog page) อาจเลือกเป็น Sort by most recent (สินค้าใหม่อยู่ตำแหน่งแรกสุดในหน้าแสดงสินค้า) (catalog page)

    คลิกถอยกลับเพื่อไปหน้า Woocommerce customizing และคลิก Product Images
    กำหนดขนาดของรูป จะเป็น รูปสีเหลี่ยมจตุรัส(1:1) หรือ ผืนผ้า (3:4)

    ใส่ปุ่ม ติดต่อ
    https://whatshelp.io/widget/

    <!-- WhatsHelp.io widget -->
    <script type="text/javascript">
        (function () {
            var options = {
                facebook: "247277565291226", // Facebook page ID
                line: "//line.me/R/ti/p/%40hve8558u", // Line QR code URL
                email: "i@cymiz.com", // Email
                call: "0859113737", // Call phone number
                call_to_action: "Message us", // Call to action
                button_color: "#FF6550", // Color of button
                position: "right", // Position may be 'right' or 'left'
                order: "facebook,line", // Order of buttons
            };
            var proto = document.location.protocol, host = "whatshelp.io", url = proto + "//static." + host;
            var s = document.createElement('script'); s.type = 'text/javascript'; s.async = true; s.src = url + '/widget-send-button/js/init.js';
            s.onload = function () { WhWidgetSendButton.init(host, proto, options); };
            var x = document.getElementsByTagName('script')[0]; x.parentNode.insertBefore(s, x);
        })();
    </script>
    <!-- /WhatsHelp.io widget -->
    

    การลงสินค้าประเภทต่างๆ
    1. Simple Product สินค้าแบบทั่วไป สินค้าแต่ละชิ้นมีราคาเดียว ไม่ซับซ้อน
    2. Grouped product สินค้าแบบเป็นกลุ่ม สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายกรณี
    รวมกลุ่มเครื่องแต่งตัว เสื้อ กางเกง หมวก รองเท้า ใน group เดียวกัน
    รวมกลุ่มคอมพิวเตอร์ PC mouse keyboard ups ใน set เดียวกัน
    สินค้าที่มีการตั้งราคาขายแบบ ขายปลีก กับ ขายส่ง เป็น choice ให้ลูกค้าได้เลือก
    ประยุกใช้กับสินค้าชนิดเดียวกัน แต่ราคาแตกต่างกันตามรุ่น รุ่นใหม่ รุ่นเก่า
    3. External/Affiliate product สินค้าตัวแทนจำหน่าย ได้รับค่าแนะนำเป็นตอบแทน
    ใช้ทำ Affiliate product เป็นตัวแทนจำหน่าย ได้ค่าแนะนำ
    ทำเว็บเป็นคอนเทนต์ แล้วใช้ระบบตระกร้าของเว็บอื่น เช่น ใช้ WordPress ทำคอนเทนต์ และใช้ เว็บ ร้านค้าออนไลน์อื่นๆ เช่น lnwshop.com เป็นตัวตระกร้าสินค้า
    ทำเป็น External product แล้วส่งไปที่ inbox ของสินค้าที่เราลงใน Facebook ให้แชทคุยกันก่อนตัดสินใจซื้อ (คนไทยชอบคุยก่อน)
    4. Variable product สินค้าราคาแตกต่างกันตามคุณสมบัติ เช่น มีดแบบต่างๆ
    5. Digital product สินค้าที่ไม่ต้องจัดส่ง ให้โหลดใช้งานหลังจากสั่งซื้อได้เลย เช่น E-book, software

    A. สินค้าแบบ Simple Product
    1.ชื่อสินค้า
    2.ติ๊ก Categories (หมวดหมู่สินค้า)
    3.เนื้อหา (ช่อง text editor)
    – ช่องด้านบน แสดงข้อมูลขนาดยาวด้านล่างของรูป
    – ช่องด้านล่าง แสดงด้านข้อมูลแบบย่อๆ ข้างรูป
    4.ราคาสินค้า
    5.Product image (หน้าปกสินค้า) ขนาดสีเหลี่ยมจตุรัสหรือผืนผ้า ให้เลือกอย่างเดียว เว็บจะสวย
    6.Product Gallery (ภาพประกอบ) ขนาดกว้างยาว เท่าไรก็ได้

    B.Grouped product
    computer ,manual (เป็น E-book และ หนังสือ คู่มือกระดาษ) ให้เราลงสินค้าทั้งสองตัว แบบ Simple product และ add product เพิ่ม ตั้งชื้อสินค้าและใส่เนื้อหาสินค้า
    product data ใเลือกประเภทเป็น Grouped product
    คลิกไปที่ Liked Products ตรง Grouped products พิมพ์ชื่อสินค้าที่เราต้องการจัดกลุ่ม

    การประยุกต์ใช้ แล้วแต่จินตนาการของเรา
    – จัดเป็นกลุ่มราคาขายปลีก-ส่ง โดยสินค้าชิ้นที่1ตั้งเป็นราคาต่อชิ้น สินค้าอีกชิ้นตั้งราคาเป็นต่อแพ็ค
    – จัดเป็นกลุ่มชุดเซ็ตคอมพิวเตอร์
    – จัดเป็นชุดเซ็ตเฟอร์นิเจอร์
    – จัดเป็นให้เลือกซื้อสินค้าตามรุ่น แต่ละรุ่น เก่าใหม่ ราคาต่างกัน มือถือฯลฯ

    C.External/Affiliate product
    1.ลงรายละเอียดสินค้าพื้นฐานให้เรียบร้อย
    2.product data เลือกประเภทเป็น External/Affiliate product
    3.ใส่ข้อมูล Affiliate product
    – Product URL
    ใส่ url หรือ code ที่เป็น Affiliate ของสินค้าที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายจากเว็บแม่ของสินค้าตัวนั้น
    เช่น ทำ Affiliate กับ Amazon หรือ Lazada ก็ไปสมัคร Afliate Program ซึ่งสินค้า amazon, Lazada ทุกตัวเขาจะมี url Affiliate เตรียมไว้ให้อยู่แล้ว ก็แค่เอา url ใส่ในช่อง Product ได้เลย

    หากไม่ต้องการทำ Affiliate อาจเอา url สินค้าบน Facebook มาวางแทน เพื่อให้ลูกค้า inbox มาคุยได้ทันที (มันจะวิ่งไปหน้า url ที่เราตั้งไว้)
    – Button text คำที่ต้องการให้แสดงแทนปุ่ม add to cart และ ใส่ราคาเข้าไป

    D. Variable product
    1.ลงรายละเอียดสินค้าพื้นฐานให้เรียบร้อย
    2.product data เลือกเป็น Variable product
    3.สร้าง attribute (คุณลักษณะ) ของสินค้า โดย
    – คลิก attribute >> add >> ตั้งชื่อ attribute เช่น color >> ตั้งค่า attribute เช่น สีแดง ฟ้า (ใช้ภาษาใดในการเขียนก็ได้) ใช้สัญลักษณ์ | ในการเพิ่มค่าอื่นๆ เช่น Red | Green

    ติ๊กถูกที่ Visible on the product page และติ๊กที่ Used for variations
    การเพิ่ม attribute คลิก add เช่น ขนาดของเสื้อ S | M | L
    4. ที่ Variations > Create variations from all attributes > Go
    5. กำหนดข้อมูลสินค้า แต่ละ Variations โดย ตั้งราคา รูปภาพ และข้อมูลสินค้าของแต่ละตัวให้ต่างกันได้ (ตั้งค่า Variations ให้ครบ)

    E. Digital product
    สินค้าที่ไม่ต้องจัดส่ง ใช้การโหลด เช่น software

    การ import file (ใช้ได้จริง มาทั้งรูป)
    ตัวอย่างไฟล์
    +https://docs.woocommerce.com/wp-content/uploads/2017/06/dummy-data.csv

    อ้างอิง
    +https://docs.woocommerce.com/document/product-csv-import-suite-importing-products/
    +https://docs.woocommerce.com/document/product-csv-import-suite-column-header-reference/

    +https://padveewebschool.com/woocommerce-guide/
    +https://padveewebschool.com/?s=woo

    ระบบตัดบัตรเครดิต 3.65% / รายการ vat 7%
    https://www.omise.co/th/pricing

    Charge Amount: 1,000.00 +
    Omise Fee: 36.50 –
    Fee VAT: 2.56 –
    Your Balance: 960.94

    ระบบแจ้งแจ้งชำระเงิน 450/ปี ต่ออายุ 50%

    ระบบแจ้งเตือน SMS 490 บาท/ปี

    ระบบภาษา

    responsive เว็บ

    ธีม ลิขสิทธ์

    ค่าดูแลเว็บไซต์

    เพิ่มหน้าสินค้า บทความ

    ค่าโดนเมน

    ค่าโฮสติ้ง

    Live chat fb without plugin



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories