• June 9, 2012

    เซ็นต์ เซย์ย่า ภาคจ้าวนรกฮาเดส (Saint Seiya – The Lost Canvas)

    Saint Seiya – The Lost Canvas

    ตั้งแต่ยุคสมัยเทพนิยาย การเผชิญหน้ากันระหว่างสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ – เทพีแห่งการศึก อาธีน่า กับยมเทพผู้ครองนรก ฮาเดส เป็นไปอย่างดุเดือดนับครั้งไม่ถ้วน…หากแต่ว่า เมื่อถึงเวลาแห่งการปะทะครั้งสำัคัญ ที่รู้จักกันในนาม“สงครามศักดิ์สิทธิ์”นั้น ทั้งสองจักต้องเฟ้นหามนุษย์ที่เหมาะสม ในการเป็น”ร่างจุติ” ไว้ใช้รองรับวิญญาณในการอวตารมาปรากฏกายบนโลกมนุษย์

    เนื้อหาภาคดั้งเดิมของเซนต์ เซย์ย่าฉบับคลาสสิคนั้น เป็นเหตุการณ์ภายหลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งล่าสุดมาร่วมสองร้อยหลายสิบ ขวบปี ซึ่งเป็นช่วงที่หายนะเกิดมาจากผนึกของกองทัพฮาเดสได้คลายลง และการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ก็หวนกลับมาอีกหน…พร้อมกับปัญหาความขัดแย้งใน หมู่เซนต์แห่งอาเธน่า การเมืองภายใน การช่วงชิงอำนาจ และการรับศึกหลายด้าน ฯลฯ

    แต่เรื่องราวของเซนต์เซย์ย่าภาคใหม่ ในชื่อ “จ้าวนรกฮาเดส” (Saint Seiya – The Lost Canvas) เป็นเนื้อหาที่หยิบยกเหตุการณ์ใหญ่ในอดีตครั้งนั้น ที่เคยได้แต่อ้างอิงในภาคหลัก เอามาขยายความให้ชัดเจนขึ้น โดยจับความที่สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งก่อนหน้า เมื่อ 243 ปีก่อน ที่เทพีอาธีน่าจะต้องอวตารมายังโลกเพื่อปกปักษ์เหล่ามวลมนุษย์จากศัตรูตัว ฉกาจ ฮาเดส ผู้เป็นทั้งเทพเจ้าแห่งความตาย และศัตรูอมตะตั้งแต่ครั้งเทพนิยายบรรพกาล

    ละครโศกนาฎกรรมครั้งนั้น เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ท่ามกลางเหล่าเด็กกำพร้าที่อยู่รวมกันอย่างยากลำบาก ยังมีกลุ่มเด็กน้อยสามคน ที่สนิทสนมกลมเกลียว และผูกพันธ์กันด้วยสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินคาดคิด

    เท็มมะ เป็นเด็กน้อยสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีนิสัยโผงผาง กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร และไม่เคยลังเลที่จะต่อสู้เพื่อคนที่เขาต้องการปกป้อง
    อาโรน เป็นเด็กชายผู้อ่อนโยน รักในการวาดภาพ และมีจิตใจที่บริสุทธิ์เหนือคนทุกผู้
    ซาช่า เป็นสาวน้อยผู้งดงามและจิตใจดี เจ้าหล่อนเป็นที่รักใคร่ของผู้คน และคอยอยู่เคียงข้างเทมมะ เพื่อนสนิท กับอาโรน ผู้เป็นพี่อยู่เสมอ

    ช่วงแห่งความสงบสุขผ่านไป…โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว กงล้อแห่งโชคชะตาของทั้งสามก็เริ่มเคลื่อนไหว…ซาช่าถูกรับตัวไปเลี้ยงดู ยังดินแดนที่ห่างไกล…เหลือไว้เพียงอาโรนที่ยังคงเฝ้าวาดภาพเขียนของตน และเท็็มมะที่ตัดสินใจจะคอยดูแลเพื่อนผู้อ่อนแอต่อไป

    และแล้ว เมื่อถึงวันแห่งชะตากรรม…ฟันเฟืองทุกชิ้นก็เริ่มที่จะหมุนด้วยตัวของมัน เอง…เท็มมะค้นพบพลังพิเศษที่ยิ่งใหญ่ประดุจห้วงอวกาศภายในร่างกายของตน ซึ่งถูกเรียกว่า “พลังคอสโม” และตัดสินใจที่จะเดินทางไปฝึกฝนเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งใต้สังกัดเทพีแห่งการศึก ที่รู้จักในชื่อ “เซ็นต์แห่งอาธีน่า”

    เขาร่ำลาอาโรนเพื่อนรัก และมาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงที่แซงค์ทัวรี่ ก่อนที่จะได้สำเร็จตำแหน่ง “เซ็นต์เพกาซัส” ภายในเวลาไม่นานนัก
    แต่ความเป็นจริงที่น่าตกตะลึงก็คือ เมื่อได้พบกันพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง…ซาช่า เพื่อนสาวแต่ครั้งเยาวว์วัยของเขา กลับมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญยิ่ง ที่จะต้องปกปักษ์รักษาโลกมนุษย์ทั้งใบ ในฐานะที่เป็น“ร่างจุติ” ของเทพีแห่งการศึก อาธีน่า นั่นเอง

    เท็มมะให้สัญญา จะปกป้องสาวน้อยอย่างสุดความสามารถ แม้จะแลกด้วยชีวิต…และในที่สุด จุดเิริ่มต้นของห้วงเวลาแห่งการตัดสินก็มาถึง…ฮาเดสได้คัดเฟ้นร่างจุติที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตน และอวตารลงยังโลกมนุษย์อีกครั้ง พร้อมกับเหล่าทหารหาญจากนรกทั้ง 108 ตน

    …และร่างเนื้อสุดแสนล้ำค่านั้น ก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็น “อาโรน” หนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน ผู้เป็นคนสำคัญของเท็มมะและซาช่าเสมอมา !!!

    …ภาพเขียนของอาโรนที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังด้านบวก…ณ ตอนนี้กลับสะท้อนเพียงความโศกเศร้าและทุกข์ทนของเหล่าสิ่งมีชีวิตในโลก …ทุกสิ่งที่ถูกถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบ กลับถูกสาปราวกับต้องมนต์มรณะ…”สิ่งมีชีวิต” ในภาพวาดของฮาเดส ค่อยๆดับสิ้นลงไปตามลำดับ

    และแล้ว ภาพเขียนสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็ได้ถูกร่างขึ้นอย่างเยือบเย็น โดยใช้โลกทั้งใบเป็นผืนผ้า และใช้เลือดสดๆของชีวิตอันต่ำต้อยเป็นสีแต่งแต้ม…หากภาพวาดมรณะ “The Lost Canvas” นี้เสร็จสิ้นลงเมื่อไร…”การปลดเปลื้อง” ที่ยมเทพกล่าวอ้างก็จะเริ่มต้นขึ้น …ชีวิตของคนทุกผู้บนผืนพิภพ ก็จะดับดิ้น ร่วงลงสู่ขุมนรกไปชั่วนิรันดร์ !!!

    สงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นขึ้นอีกหนึ่งคำรบ…ความลังเลและว้าวุ่น ไม่อาจหยุดยั้งหายนะที่มาพร้อมกับหยดเลือดและเสียงกรีดร้องของผู้คนได้อีกแล้ว…ในฐานะผู้นำทัพ…เทพีอาธีน่า ได้ประกาศเริ่มต้นการต่อสู้ และให้เหล่าเซ็นต์ใต้บัญชาทุกคน มุ่งมั่นต่อสู้ และปิดฉากศึกเทพยุทธครั้งนี้โดยทันที !

    เซ็นต์เซย์ย่า ภาค เจ้านรกฮาเดส แต่งเรื่องราวโดยอ.มาซามิ คุรุมาดะ เจ้าของผลงานต้นฉบับ และวาดภาพโดยอ.ชิโอริ เทชิโรกิ นักเขียนหญิงที่สามารถปรับรูปแบบผลงานตัวเอง ให้เข้ากับการ์ตูนผู้ชายได้อย่างน่าดูชม

    เซ็นต์เซย์ย่าฉบับคลาสสิคนั้น ลงตีพิมพ์เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ในนิตยสารจัมป์รายสัปดาห์…ด้านความนิยมของเรื่อง ถือว่าอยู่ในระดับสูง มีแฟนๆที่ติดตามผลงานอยู่มาก ทั้งชายและหญิง แม้จนถึงในยุคปัจจุบัน ก็ยังคงพบเห็นบรรดาแฟนคลับ ประเด็นวิเคราะห์ถกเถียง หรือสินค้าจากตัวเรื่องออกมาไม่ได้ขาด

    จุดเด่นสำคัญของเรื่องคืออะไร? แฟนแต่ละคนก็ย่อมจะมีเหตุผลเป็นของตัวเอง

    สำหรับนักอ่านชายแล้ว หลายคนอาจจะถูกใจกับเนื้อหาแนวแอคชันต้นตำรับ ที่ยึดคอนเซปต์ดั้งเดิมว่าด้วยความพยายาม มิตรภาพ และชัยชนะ ซึ่งเข้าถึงง่าย และเข้าใจง่ายเสมอมา…หลายคนก็ประทับใจกับชุดคล็อธที่สวยงาม ซึ่งเป็นทั้งอุปกรณ์ป้องกัน และเครื่องหมายแสดงความภาคภูมิใจของเหล่านักรบผู้ทรงเกียรติ…หลายคนก็ตื่นตาตื่นใจกับพลอตเรื่องที่ดูยิ่งใหญ่ ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างเหล่าทวยเทพ ที่ต้องการพิชิตโลก กับเทพีแห่งการศึุกที่อวตารมาเพื่อยุติหายนะ ฯลฯ

    สำหรับนักอ่านสาวแล้ว หลายคนก็ถูกอกถูกใจกับสารพัดตัวละครชายหนุ่มหน้าใส รูปร่างงดงาม วงแขนขาวเนียน ที่ล้วนมีหน้าตาเป็นผู้ใหญ่เจนโลกเกินอายุ มาพร้อมกับคาแรกเตอร์หลากหลาย ตั้งแต่สไตล์พ่อพระผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง หนุ่มน้อยผู้มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนสนิท เรื่อยไปจนถึงชายโฉดผู้จงรักภักดีต่อนายเหนือหัวไม่เคยหวั่นไหว ฯลฯ

    แม้ตัวเรื่องหลักจะจบลงไปหลายปีดีดัก…องค์ประกอบหลายๆอย่าง ยังคงเป็นที่พูดถึงกันอยู่เป็นระยะ บ่งบอกถึงความนิยมของเรื่องได้ดี ไม่ว่าจะออกไปในแนวชื่นชม จิกกัด พูดแซว หรือขบขันก็ตามที

    ในภาค Lost Canvas นี้ จะมีตัวละครหลักอยู่สามคน คือเหล่าเด็กน้อยที่ล้วนเคยสนิทชิดเชื้อกันมา แต่โชคชะตาทำให้ต้องก้าวไปในเส้นทางแห่งความขัดแย้ง…อาโรน ผู้อ่อนโยน ก็กลายเป็นร่างจุติของฮาเดส และเริ่มที่จะสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองเข้าไปทีละน้อย ซาช่าร่างจุิติของอาเธน่า ก็จำต้องกล้ำกลืน เผชิญหน้ากับพี่ชายผู้แสนดีของตัวเองอย่างไม่มีทางเลี่ยง และเท็มมะ ผู้ปรารถนาจะปกป้องคนสำคัญ ก็กลายมาเป็นเซ็นต์เปกาซัส วิญญาณที่มีดวงผูกพันธ์กับเทพทั้งสองมาตั้งแต่สมัยเทพนิยาย และเป็นผู้ที่อยู่ข้างกายเทพีแห่งการศึกในการเผชิญหน้ากับยมเทพเสมอมา

    เพียงแค่การจัดวางเนื้อหาเปิดตัวดังกล่าว ก็สามารถเอื้อให้เนื้อหาขยายออกไปในเชิงดราม่าได้อย่างดี…“ความขัดแย้ง” ในความสัมพันธ์และโชคชะตาของคนทั้งสาม จึงเป็นหัวใจสำคัญของภาค ที่ผู้อ่านต่างเฝ้ารอที่จะเห็นบทสรุป

    แต่การเดินเรื่องโดยทั่วไปของ ภาคนี้ จะเน้นหลักไปที่่ตัวศึกเทพยุทธ ที่เป็นการปะทะกันของเหล่านักรบใต้บัญชาฮาเดส ที่เรียกขานกันในนาม“สเปคเตอร์” สังกัดดาวมารทั้ง 108 ตน กับเหล่าคนกล้าใต้อาณัติแห่งอาธีน่า… “เซ็นต์” ผู้สังกัดกลุ่มดาวพิทักษ์ประจำลักขณาราศี ทั้ง 88 ชีวิตนั่นเอง

    และแน่นอนว่า ผู้รั้งตำแหน่งสูงสุดในหมู่นักรบ…กลุ่มชายที่กล้าแกร่งที่สุดของอาธีน่า ที่รู้จักกันในนาม “โกลเซนต์” ทั้ง 12 คน…จึงเป็นหัวหอกหลักในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ชูโรงของภาคนี้นี่เอง

    Lost Canvas ได้หยิบยกตัวละครมากมายจากภาคหลัก มาปรับปรุงให้เป็นบุคคลตำแหน่งนั้นๆในชาติภพก่อนหน้า และพยายามใส่ความมีมิติของตัวละครเข้าไปอย่างเต็มที่ ทำให้ได้ออกมาเป็นตัวละครใหม่ ที่ล้วนมีสเน่ห์ สมจริง และน่าหลงไหลมากขึ้น จนเกิดเป็นเสียงตอบรับที่น่าพอใจในหมู่ผู้อ่านทั้งหลาย

    ด้านลายเส้น นั้น ตัวผู้เขียนได้แสดงความตั้งใจในงานภาพของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ทำให้องค์ประกอบต่างๆ (ที่พยายามจะไม่ให้เพี้ยนไปจากต้นฉบับ) อย่างเช่นความวิจิตรของชุดคล็อธ หรือความยิ่งใหญ่ของท่วงท่าโจมตีก็ทำออกมาได้สวย ไม่น้อยหน้าฉบับดั้งเดิม

    …หากจะมีให้ติดใจ ก็คงเป็นเรื่องของ“ความต่อเนื่อง”  ระหว่างช่องต่อช่อง ที่ดูขัดตาในหลายๆโอกาส ทำให้ฉากแแอคชันเป็นไปอย่างติดขัดอยู่บ้าง ได้ความรู้สึกของนักเขีัยนแนวการ์ตูนผู้หญิง ที่มักจะให้ความสำคัญสูงสุดกับการลงรายละเอียดภาพนิ่งช่องใหญ่ มากกว่ามุ่งเ้น้นความเชื่อมโยงของฉากเคลื่อนไหวกับช่องข้างเคียง

    โดยสรุปแล้ว ฉาก “สงครามศักดิ์สิทธิ์” อันหมายถึงศึกเทพยุทธระหว่างอาธีน่ากับฮาเดสนั้น เป็นหนึ่งในเนื้อหาที่สำคัญของเรื่อง เพราะเป็นความขัดแย้งที่ดำเนินมาเนิ่นนานตั้งแต่ยุคเทพนิยายบรรพกาล ต่างฝ่ายต่างขนกองทัพหลักของตัวเอง ผลัดกันเผยไพ่ตาย ชิงไหวชิงพริบกันไม่ว่างเว้น จึงทำให้ภาคฮาเดสในฉบับต้นตำรับนั้น เป็นภาคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดภาคหนึ่งของเรื่องเลยทีเดียว

    เมื่อภาคที่เคยได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ถูกนำมาขยายความเพิ่มเติม โดยนักเขียนคนใหม่แล้ว จึงเลี่ยงไม่ได้ ที่แฟนๆจำนวนมากจะต้องเพ่งเล็ง และเฝ้าลุ้นไม่ให้ทำลายความรู้สึกดีๆจากผลงานเก่าๆไปเสียหมด

    ซึ่งถ้ามองจากเวลาปัจจุบัน เสียงตอบรับโดยรวมที่มีต่อเนื้อหาที่ดำเนินไปได้หนึ่งร้อยกว่าตอน กับรวมเล่มอีกกว่าสิบเล่มแล้ว ก็ต้องบอกว่า Saint Seiya : The Lost Canvas นี้ ทำได้ดี และเป็นที่ชื่นชอบอย่างน่าพอใจ น่าจะเพียงพอให้เดินเรื่องไปจนจบได้ ตามความคาดหวังของแฟนๆอย่างสวยงาม…

    สรุปม้วนเดียวจบ

    .ข้อดี และจุดที่เด่น
    – พยายามหยิบยกเอาฉากเหตุการณ์ และองค์ประกอบหลายๆอย่างจากภาคต้นฉบับมาปรับใช้ เพื่อให้เกิดความรู้สึกหวนระลึก
    – สร้างตัวละครมีมิติมาก เข้าได้ดีกับเนื้อหาที่พยายามเน้นจุดขายหลักอยู่ที่ความดราม่า
    – การนำเสนอ ทำได้ทันสมัย น่าจะดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ได้ ในระดับเพียงพอที่แฟนรุ่นเก่าจะไม่รู้สึกขัดใจ
    – งานแปล เลือกใช้คำได้เพราะ และเข้าได้ดีกับโทนเรื่อง
    –  งานภาพหน้าคู่หลายๆภาพ วาดได้สวย และดูอลังการงานสร้างสมความตั้งใจ
    – รักษาจุดขายเดิมๆ ที่สามารถดึงดูดผู้อ่านทั้งสองเพศไว้ได้ ไม่ต่างจากต้นฉบับ

    .ข้อด้อย และจุดที่อาจไม่ปลื้ม
    – การเลือกเขียนเรื่องราวท่อนที่ผู้อ่านรู้บทสรุปส่วนสำคัญอยู่แล้ว ทำให้หลายๆเหตุการณ์ ลดความน่าลุ้นลงไปมาก
    – งานภาพที่พยายามใส่ลายละเอียดมาก และลงหมึกเข้มข้น ทำให้บางฉากดูรายละเอียดไม่รู้เรื่องอย่างน่าเสียดาย
    – การออกแบบชุดคล็อธใหม่ๆ ที่สวยงามสู้ต้นฉบับไม่ได้เลย
    – ความต่อเนื่องของฉากเคลื่อนไหว ไม่เพียงพอจะใช้ได้ดีในการ์ตูนแอคชัน
    – การแต่งภาพที่ชอบใส่เสียงเอฟเฟคขนาดมหึมา จะคอยบดบังองค์ประกอบของภาพให้ขัดใจอยู่เป็นระยะ



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized