• October 15, 2012

    การค้าขายในรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมาอีกแล้ว เรียกว่า DropShip

    “DropShip” คือการซื้อมาขายไป โดยจะมีคนกลางเป็นคนจัดหาสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ

    คนกลาง จัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาหนึ่งเว็บ โดยไม่มีสินค้าอยู่ในมือ ถามว่า แล้วสินค้าในร้านมาจากไหน ? คำตอบก็คือ คนกลางจะติดต่อกับร้านค้าเพื่อถ่ายรูป ใส่รายละเอียดสินค้ารวมถึงราคาเข้าไปในเว็บไซต์ของเขา เมื่อมีผู้ติดต่อซื้อสินค้าในเว็บ ผู้ซื้อจ่ายเงินให้คนกลาง คนกลางจ่ายเงินให้ร้านค้า โดยการจัดส่งสินค้านั้น คนกลางและร้านค้าจะต้องตกลงกัน ว่าใครจะเป็นผู้จัดส่ง

    คนกลางที่ทำเว็บจะได้กินเงินส่วนต่างนั่นคือ “กำไร” มาดูภาพประกอบ

    dropship ondims

    ข้อดีของการค้าขายแบบ DropShip มีหลายข้อด้วยกัน
    – ไม่ต้องมีการสต๊อกสินค้า หรือ ผลิตสินค้าเอง
    – หากต่อรองกับร้านค้าดีดี หรือ หากคนกลางหาลูกค้าได้มาก ก็จะยิ่งได้ราคาถูกมากขึ้น นั่นก็หมายความ กำไร มากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
    – และถ้าตกลงกับร้านค้าเป็นผู้จัดส่งสินค้า ยิ่งสบายกันไปใหญ่เพราะไม่ต้องมานั่งส่งสินค้าด้วยตัวเอง นั่งกินกำไร สบายกว่ากันเยอะ

    ข้อเสีย มองก่อน ดูเหมือนจะไม่มีนะ แต่มีข้อพึงระวังเท่านั้นเอง คือ ต้องเลือกร้านค้าที่ไว้ใจได้ ตรวจสอบประวัติร้านค้าดีดีนะค่ะ อ้อ อีกอย่าง การนำภาพสินค้าและรายละเอียด ควรสอบถามกับร้านค้าก่อนว่า สามารถนำมาใส่ที่เว็บไซต์ของเราได้หรือไม่ ถ้าได้ ก็ยิ่งสบายใหญ่

    1. นำสินค้าที่ท่านต้องการลงขายสินค้า
    2. เมื่อลงขายเสร็จแล้วมีผู้ประมูลชนะ
    3. ผู้ซื้อได้ดำเนินการจ่ายเงินค่าสินค้าบวกค่าขนส่งให้กับท่าน
    4. จากนั้นทางตัวท่านเพียงจ่ายค่าสินค้าราคาส่งให้กับ Dropshipper
    5. เมื่อทาง Dropshipper ได้รับเรื่องแล้ว ก็จะจัดส่งสินค้าไปให้กับผู้ซื้อของท่าน
    6. สินค้าจะถูกจัดส่งไปที่อเมริกาภายใน 8-14 วัน โดย Dropshipper ยินดีคืนเงินกรณีสินค้าไปไม่ถึงภายใน 30 วัน
    7. เมื่อลูกค้าได้รับสินค้าก็ให้ Feedback กลับไปยังท่าน แล้วท่านก็ให้ Feedback กลับก็ถือว่า เสร็จสิ้นการค้าขายในบนอีเบย์ ก็กลับไปดำเนินการข้อ 1 ใหม่

    ระบบ Dropship คือ ระบบบริหารจัดการโดยจะมีตัวกลางคอยสนับสนุนเกี่ยวกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รายละเอียดสินค้า พร้อมด้วยราคาพิเศษที่สามารถนำไปขายได้กำไรต่อทันที และยิ่งไปกว่านั้นทางตัวกลางจะจัดส่ง สินค้าไปทางผู้ซื้อโดยตรงด้วย โดยไม่จำเป็นต้องรอคอยสินค้าจากตัวกลางและจัดส่งที่ไปรษณีย์ด้วยตัวเอง ด้วยระบบ Dropship นี้จะทำให้ชีวิตการค้าขายออนไลน์ของท่านง่ายขึ้น

    http://www.dropshipthai.com/

    dropship คือการที่เราเป็นหน้าร้านให้โรงงาน ลูกค้าสั่งของผ่านเรา เราสั่งต่อโรงงานในราคาส่ง โรงงานส่งของให้ลูกค้า เรากินส่วนต่าง คร่าว ๆ ประมาณนี้

    Drop ship นอกจากเป็นคนกลางแล้ว ยังอาจทำหน้าที่เป็นยี่ปั๊วในตัวด้วย คือ จัดหาของ/สินค้ามาสต๊อกเอาเองและจัดส่งเอง
    และข้อปฏิบัติของดรอปชิพที่ดีคือ
    ต้องติดตาม/ร่วมรับผิดชอบสินค้าที่มีปัญหา ไม่ว่าจะถูกส่งโดยผู้ผลิต หรือ ดรอปชิพ
    ต้องไม่ยุ่งเกี่ยว แซกแซงการซื้อขายของลูกค้าที่ 1 และลูกค้าสุดท้าย (สำคัญมาก)

    เราไม่มีสินค้าขาย > ติดต่อร้าน เพื่อขอถ่ายรูป > เอามาลงขาย > ขายได้ > คนซื้อจ่ายเงินให้เรา > เราเอาเงินไปซื้อของที่ร้านมา > เราจะจัดส่งเอง หรือ ให้ร้านจัดส่งให้ก็ได้ แล้วแต่ข้อตกลง

    http://www.thairiches.com/wp-content/uploads/2011/01/flow-chart.gif
    ดักลาสตื่นเช้าขึ้นมารับความสดใสในเช้าวันใหม่ ที่บ้านหลังงาม เช้าๆ อย่างนี้ต้องจิบกาแฟก่อน แล้วก็เดินยิ้มถือแก้วกาแฟไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเช็คอีเมล์เป็นสิ่งแรก

    มีอีเมล์สามสิบกว่าฉบับ และสิบกว่าฉบับเป็นคำสั่งซื้อสินค้า ซึ่งบรรดาผู้สร้างภาพยนต์ นักดนตรี นักออกแบบเกม และคนที่ทำงานเสียงต่างๆ เช่นเสียงของตัวลีมอร์ ซึ่งเป็นเสียงหายาก มาใช้ในงานของตน

    ดักลาสเป็นผู้ขายแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือผู้ผลิต เขาไม่ต้องจัดการสินค้าคงคลัง ไม่ต้องจัดส่งเอง สินค้าแต่ละชิ้นราคา 325USD หลังจากหัก 45% เป็นค่าสินค้าให้กับผู้ผลิต ค่าทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิต 2.5% จะเหลือกำไรประมาณ 167USD ต่อชิ้น เอาสิบคูณเข้าไป 1,670USD นี่คือการทำงาน 30 นาทีต่อวัน กับรายได้ มากมายและสามารถจัดการที่ไหนในโลกก็ได้

    นั่นคือวิธีการที่เค้าเรียกกันว่า Drop Ship ครับ รออีกนิดนะครับ วิธีการนี้จะถูกบอกเล่าที่นี่ ตั้งแต่ การหาผู้ขาย หาสินค้าที่ทำกำไร แล้วไป โกอินเตอร์กัน

    อย่าคิดว่าจะขายอะไรดี
    ก่อนหน้านี้ผมมีปัญหาอย่างมากกับการหาสินค้ามาขาย ไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี สำหรับโจทย์นี้ตอนนี้ผมมีคำตอบง่ายๆ นั่นก็คือลืมเรื่องหาสินค้าไปก่อน ให้คิดหาตลาดก่อน และตลาดนั้นก็น่าจะเป็นสังคมหรืออะไรก็ตามที่เราพอมีความรู้อยู่บ้าง หรือย่างน้อยก็มากกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็น่าจะดี

    ตัวอย่างถ้าท่านชื่นชอบการตกปลา ตลาดของท่านก็คือกลุ่มคนที่ชอบการตกปลา แล้วสินค้ามันจะออกมาเอง เป็นสินค้าเกี่ยวกับการตกปลามีเป็นร้อย อีกหนึ่งตัวอย่างชอบเลี้ยงสัตว์ มีสินค้าอะไรที่ท่านใช้บ้าง ถ้าท่านกำลังจะเป็นแม่คน (ยินดีด้วย) จะมีสินค้าอะไรบ้าง

    สรุปคืออย่าหาสินค้าก่อนการหาตลาดเพราะมันคือการการหาจากปลายทาง และมันแคบเกินไปสำหรับสมองของเรา

    Dropship คืออะไร
    ดร็อฟชิพ คือ คนขายส่งสินค้า(wholesale) ที่รับขายสินค้าโดนที่ส่งสินค้าให้ลูกค้าโดยตรงและใช้ชื่อ seller ในการส่ง

    Seller = คนขาย
    Dropship = การขายแบบ รับส่ง shipping ให้ (คงมาจาก drop + shipping = dropship มั้ง)
    Dropshiper = ผู้ให้บริการ dropship
    Drop Off = คือรับฝากขายสินค้าในอีเบย์

    Wholesale = คนขายส่ง
    Dropship = ดร็อปชิฟธรรมดา ปกติ แล้วคนขาย จะต้องมาซื้อของไว้ก่อน คือจ่ายเงินก่อน และได้ของไว้ตามจำนวนซื้อ ฝากไว้
    Dropship Free = ดร็อฟชิบ แบบที่ว่าไม่ต้องซื้อของไว้ก่อน แต่เอารูปไปโพสขายได้เลย ขายได้ค่อยเอาเงินมาจ่าย

    การขายปกติ
    คนขาย ก็จะไปซื้อของมาในราคาถูกจากโรงงาน หรือ ผู้ขายส่ง ใช่ใหมครับ ซื้อมา 12 ชิ้น หรือ 1 โหล ในราคาถูก แล้วก็จ่ายเงินไปก้อนหนึ่ง เอาของมาเก็บไว้กับ

    การขายแบบใช้ dropship
    คนขาย จะเป็นสมาชิกกับ dropshiper แล้วก็ซื้อของจาก dropshiper มาเหมือนกับ แบบขายปกติ แต่ว่า ไม่เอาของมาไว้ที่ตัว ฝากของไว้ที่ dropshiper แล้วก็ไปโพสขายสินค้าใน ebay พอขายได้ ก็จะมาสั่งให้ dropshiper ทำการส่งสินค้าให้

    จะเปิดบริการ dropship ได้อย่างไร
    ก่อนอื่นๆ คุณเป็น wholesale คนขายส่งที่มีสินค้าในสต็อกเยอะมาก หรือเป็นโรงงาน factory ที่มีสินค้าล้านสต็อก (หรือเป็นพ่อค้า ที่มีต้นทุนถูกขายในราคาขายส่งได้)
    ก็คือ ก่อนอื่นๆ มีสินค้าจริงๆ อยู่ใน stock นั่นเอง

    ทีนี้ก็เอาสินค้า มาถ่ายรูป แล้วก็ทำเว็บขาย แค่นี้อะง่ายๆ แล้วก็ไปประชาสัมพันธื seller ทราบ หรือคนที่สนใจ จากนั้น พวกเขาจะทำหน้าที่ทางการตลาด หรือเป็นคนขายของให้คุณเอง
    สิ่งที่ Dropshiper ต้องให้แก่ selller คือ รูป สำคัญมาก และ รายละเอียดสินค้า สำหรับให้เอาไปโพสขาย

    ราคา
    สิ่งที่ droshipping ต้องให้ราคา แน่นอนคือ

    ราคาสินค้า
    และที่สำคัญ คือ ราคาการส่งของ หรือราคา shipping ต้องมีให้ด้วย เวลา seller เอาไปโพสขายจะได้ขายได้ถูกต้อง ไม่มาทะเลาะหนทีหลัง
    จรรยาบรรของ dropshiper คือ ไม่แย่งลูกค้าจาก seller ที่เป็นลุกค้าของคุณ

    ความรับผิดชอบ
    ถ้าของหาย dropshiper จะต้องรับผิดชอบ ส่งของซ้ำให้

    หลังจากทำทุกอย่างหมดแล้ว ก็ไปประกาศใน pantip ไกลบ้านก็ได้ ให้คนไทยในต่างประเทศ ที่สนใจเอาสินค้าคุณไปโพสขาย

    การตลาด
    dropshiper จะทำตลาดกึงทาง คือ ไปโฆษราถึงแค่ให้ seller ทราบ
    ส่วนการตลาด ปลายทาง หรือถึงตัว customer จริงๆ นั้น

    ประมาณว่า เป็นยี่ปั้ว ซาปั้ว ในอินเทอร์เน็ตดีๆ นี่เอง
    คนคนขายจริง หรือ seller เป็น พ่อค้าคนกลาง
    โรงงาน ====> Dropshipper ===> Seller (Merchant) ==> Buyer
    ขายส่ง ====> Dropshipper ===> Seller (Merchant) ==> Buyer

    หรือ อีกมุมคือเป็น BACK OFFICE ให้ลูกค้าเรา คือ seller นะก็ได้
    ปัญหาคน ขายของในอินเทอร์เน็ตคนไทย คือ การตลาดในเน็ต หรือขายของคน ชาวต่างประเทศ

    เราเป็นคนส่งของให้ในไทย
    แล้วให้หน้าที่คนขาย เป็นฝรั่งในเมกา หรือ คนไทยในเมกาทำแทนดีกว่า
    ลองค้นดู ใน ebay ที่ seller หรือคนขาย เป็น in USA คือ จากเมกา แต่สินค้า location อยู่ในไทย ก็คือแบบนี้นะแหละค

    พอทางโน้นขายของได้ ก็รับเงิน แล้วก็มาสั่งให้ เราส่งของให้ในไทย
    ตอนนี้ยังมีคนทำไม่มาก
    พวกทำแบบเปิดเผยมีน้อย เพราะยังไม่รู้จัก ทำกัน
    พวกที่ทำอยู่จะเป็นส่วนตัว ญาติ กับ ญาติ หรือ พี่น้อง หรือ เพื่อนๆ หรือ คนที่รู้จักกันดีช่วยกันทำ เป็นส่วนตัว เท่านั้น
    ใครทำขายของในเน็ต แต่ไม่เวิร์ค ลองปรับเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้แทน

    แทนที่จะขายของให้กับ end user / end buyer ก็เปลี่ยนมาขายให้ merchant แทน
    แต่ราคาต้องเป็นราคา wholesale หรือ ราคาขายส่ง

    เคยดูๆพวกบริษัทแบบนี้ แต่เป็นของเมืองนอกคือ Dropshiper อยู่ที่เมกา แล้วก็เปิดให้คนทั่วไปเอารูปไปโพสขายใน ebay โดยให้เลือกว่าจะโพสเอง หรือจะให้โพสให้แต่คนที่เอาไปโพสรับผิดชอบค่า fee

    Dropshiper ไม่เสียอะไรเลยมีแต่ได้กับได้ (ทำให้เราอคติกับพวกธุรกิจแบบนี้ เหมือนพวกขายตรง แต่มาในรูปแบบอินเตอร์เน็ต)

    ธุรกิจนี้เกิดขึ้นมาจากช่วงที่ ebay บูมมากๆ แล้วก็ค่อยๆหายไป ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยเห็นแล้ว(กรณีที่เปิดเผยให้บุคคลทั่วไป) หรือ Dropshiper ออกมาทำเองแต่แกล้งทำเป็นผู้ขายรายย่อย

    จากการที่เราดูๆ พบว่าราคาสินค้านั้นยังแพงอยู่ แม้ว่าจะขายให้เราในราคาส่งก็ตาม แต่ก็ยังแพงอยู่เมื่อเทียบกับการไปสั่งเองจากโรงงานผู้ผลิต (แต่ต้องสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก) เพราะ เวลาไปรับจากDropshiper เค้าก็บวกกำไรเข้าไปอีก ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

    โรงงาน – ผู้ขายรายย่อย – Ebay
    โรงงาน – Dropshiper – ผู้ขายรายย่อย – Ebay

    มองจากมุม seller (กรณีนี้เฉพาะ Dropshiper ในเมกานะคะ เคยวิเคราะห์ไว้นานแล้วเหมือนกัน กรณีของคนไทยเรายังไม่ได้ศึกษา กรุณาใช้วิจารณญานในการอ่านนะคะ)

    – เทียบราคาขายกับผู้ค้ารายอื่นใน ebay แล้วเห็นว่ายังสู้เค้าไม่ได้
    – ไม่มีการกีดกันผู้ค้ารายอื่น คือถ้าเราทำได้คนอื่นก็ทำได้ ถ้าไปรับมาจาก Dropshiper เดียวกันต้นทุนก็เท่ากัน สุดท้ายก็จะมาขายตัดราคากันเอง บน ebay

    อันนี้เรามองจากธุรกิจที่เปิดเผยนะคะ แต่ถ้าไปตกลงกับโรงงานเองแล้วก็ปล่อยของให้เฉพาะคนที่รู้จัก ฮั้วกันเอง ก็อาจจะเป็นไปได้มากเพราะได้ประโยชน์จากการกีดกันผู้ค้ารายอื่น

    ยิ่งคนไหนมีคนรู้จักมากหรือมีเพื่อนเป็นเจ้าของโรงงานก็น่าทำมากๆแต่ยังไงก็ควรทำเฉพาะญาติๆหรือเพื่อนๆมากกว่า
    แต่จะให้ทำแบบเปิดเผยอาจจะไม่เหมาะ เพราะถ้าปล่อยของออกไปมาก หรือให้มีผู้ขายมากราย ก็จะควบคุมกำไรไม่ได้ เพราะสินค้าก็มากระจุกตัวที่ ebay



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized