• March 22, 2024

    FDA สหรัฐ แพ้คดี ต้องถอนข้อความในการห้ามใช้ การดูถูกถากถาง และการที่ FDA ต่อต้านเข่นนั้น ส่งผลให้แพทย์ที่ใช้ยา ถูกลงโทษ
    หลายประเทศ ญึ่ปุ่น อินเดีย ยืนหยัดสู้

    ปริศนาโควิดอินเดีย-อิทธิฤทธิ์ยาฆ่าพยาธิ

    บทความนี้เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2564 ในไทยรัฐ สุขภาพหรรษา หมอดื้อ

    และ จนปัจจุบันในปี 2567 น่าจะสะท้อนความจริง หลายประการที่เกิดขึ้น ความละเลยในการใช้ยาที่เข้าถึงได้ที่มีราคาถูก และการปฎิบัติตามกฎกติกาโดยยึดวัคซีนเป็นสรณะ อย่างเดียว จนไม่ยอมรับว่าวัคซีนมีผลข้างเคียงรุนแรงจริง
    และกล่าวร้ายผู้เห็นต่าง จนกระทั่งเราได้รับทราบถึงผลแทรกซ้อนข้างเคียงที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆของวัคซีนที่คนไทย “ฉีดกันมากถึงเจ็ดหรือแปดเข็ม” จนถึงปัจจุบันวัคซีนรุ่นใหม่โอไมครอน

    และมี เหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายถึงการเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันร่างกายอ่อนแอ เป็นโรคผิวหนังและโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆที่อายุไม่มากร่างกายสมบูรณ์มาตลอด และสมองเสื่อม

    ในปี 2564 เป็นที่พิศวงงงงวยกันทั่วโลกเมื่อประเทศอินเดียที่ประสบเคราะห์กรรม มีผู้ป่วยติดเชื้อแต่ละวันจำนวนมหาศาล รวมทั้งที่เสียชีวิตเป็นกองพะเนิน

    จู่ ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รวมทั้งจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงวูบวาบ กระทั่งตีความกันต่าง ๆ นานาว่า ท่าทางจะตรวจน้อยลงหรือตายที่บ้านตกสำรวจไปหรือเปล่า แบบในบางประเทศ

    แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น เมื่อมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ก็ยืนยันตัวเลขสถิติที่น่าจะเป็นเครื่องสะท้อนถึงมาตรการบางอย่างในระยะเวลา ตั้งแต่ก่อน ต้นเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปลายเดือนสิงหาคมที่ตัวเลขต่ำลงจริง

    แม้แต่ข่าวต่างประเทศอย่างเช่นนิวยอร์กไทม์ ในตอนปลายเดือนสิงหาคม 2564 ยังได้ตีพิมพ์บทความโดยใช้คำบรรยายว่า เป็นการลดลงในตัวเลขอย่างมหีมาฮวบฮาบ (colossal drop)

    ทั้งนี้ยังมีปรากฏการณ์พิศวงโดยที่ โดยรวมในประเทศอินเดียจะมีสถานการณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่จะมีบางรัฐกลับย่ำแย่ เช่นรัฐเล็ก ๆ ทางภาคใต้ของประเทศ ชื่อ Kerala มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ถึงมากกว่า 22,000 รายในช่วงสามวัน

    ในขณะที่รัฐหรือแคว้นอื่นนั้นที่มีประชากรเยอะกว่ามากยังน้อยกว่า10,000 รายด้วยซ้ำ และจำนวนผู้เสียชีวิต

    ในวันที่ 15 สิงหาคมนั้นในรัฐ Kerala มีจำนวนติดเชื้อใหม่ 18,582 ราย จากตัวเลข 32,937 รายของทั้งประเทศและเสียชีวิต 102 รายจากทั้งหมด 417 ราย

    จากการวิเคราะห์เจาะลึกเป็นไปได้อย่างสูงว่าปรากฏการณ์นี้ ควรจะเกิดขึ้นจากที่มีการใช้ยาฆ่าพยาธิชื่อ
    ไอเวอร์เมคติน
    โดยที่ใช้ตั้งแต่แรกเริ่มที่มีการติดเชื้อหรือน่าจะมีการติดเชื้อและยังไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อยเท่านั้น

    ในรัฐเดลีที่มีประชากรใกล้เคียงกับ Kerala ในช่วงเวลาเดียวกันมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 รายและไม่มีรายงานเสียชีวิต และในแขวงอุตรประเทศ ที่ใช้ยาฆ่าพยาธินี้ เช่นเดียวกับ เดลี และมีประชากรมากกว่าถึงแปดเท่าโดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพียง 30 รายและมีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายเท่านั้น

    ถ้าคิดสัดส่วนแล้ว Kerala มีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่าอุตรประเทศถึง 619 เท่าและเสียชีวิตมากกว่า 100 เท่า

    ข้อที่แตกต่างอย่างมากที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการที่ kerala ทุ่มเทวางใจ วางเดิมพันเต็มหน้าตักกับวัคซีนและไม่เชื่อในประสิทธิภาพของยาฆ่าพยาธิ

    อุตรประเทศเป็นแขวงแรกในประเทศอินเดียที่มีการใช้ยาฆ่าพยาธิไอเวอร์แมคติน ทั้งในบทบาทของการป้องกันหลังสัมผัสผู้ติดเชื้อและในการรักษาตั้งแต่เริ่มต้น

    ในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2564 ได้มีการนำยาฆ่าพยาธินี้มาใช้กับบุคลากรทางสาธารณสุขเป็นการนำร่อง ทั้งนี้ไม่มีบุคลากรคนใดเลยที่แสดงอาการของการติดเชื้อทั้งๆที่มีการสัมผัสจากการดูแลรักษาบริบาลผู้ป่วย ที่ติดเชื้อโควิดจริงยืนยันจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

    และจากนั้นกลายเป็นหลักปฏิบัติในการให้ยาฆ่าพยาธินี้แก่ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อทุกราย รวมกระทั่งถึงทุกคนในครัวเรือนถ้ามีแม้แต่คนเดียวในครอบครัวติดเชื้อโควิด

    และในข้อมูลก่อนการตีพิมพ์ได้แสดงตัวเลขหลักฐานชัดเจนว่ายาฆ่าพยาธิสามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตและยังสามารถลดปริมาณของไวรัสในผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ลดการแพร่กระจายไวรัสหรือจำกัดวงของการระบาดลงไปได้

    ในเขต ทามิล นาดู มีการห้ามใช้ยาฆ่าพยาธินี้ตามที่ สถาบันทางการแพทย์และการวิจัยของอินเดียได้ประกาศ โดยหันมาใช้และยึดถือการรักษาด้วยเรมเดซิเวียร์ แบบในสหรัฐฯ

    ทั้งนี้สถาบันของอินเดียได้แก่ AIIMS (All India Institute of Medical Sciences) และ ICMR (Indian Council of Medical Research) ได้บรรจุยาฆ่าพยาธิ ในวันที่ 22 เมษายน 2564 ลงในแบบแผนของการปฏิบัติตั้งแต่เริ่มต้นของการติดเชื้อรวมทั้ง ที่เริ่มมีอาการแม้แต่เล็กน้อยก็ตาม จวบจนกระทั่งในวันที่ 17 พฤษภาคม ก็ยังยืนยันในหลักปฏิบัตินี้อยู่ ท่ามกลางกระแสโจมตีจากสื่อต่างประเทศ รวมกระทั่งถึงจากองค์การอนามัยโลกที่กดดันให้ยกเลิกการใช้ยาฆ่าพยาธินี้ แต่ได้กลายเป็นแบบแผนปฏิบัติของประเทศอินเดีย (India National Protocol)ในที่สุด

    ในเขตทามิล นาดู และ Kerala ปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำ แต่ก็ได้ยินยอมที่จะให้ใช้ยาฆ่าพยาธินี้โดยจำกัดการใช้ในกรอบของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเท่านั้นหรือเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีโรคประจำตัวอย่างอื่น ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้ให้การรักษาในผู้ป่วยที่ติดเชื้อตั้งแต่เริ่มต้นหรือมีอาการเบา

    และในที่สุด Kerala ได้ประกาศระงับไม่ให้มีการใช้ยาฆ่าพยาธินี้ทั้งหมดในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 และผลปรากฏว่าการใช้วัคซีนอย่างขนานใหญ่ ไม่สามารถลดอัตราการติดเชื้อใหม่ได้สำเร็จโดยที่ในระยะที่ยังมีการยินยอมให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก อัตราการติดเชื้อดูจะลดลงได้บ้างจาก 25%เป็น 10%

    แต่เมื่อมีการห้ามใช้ยาฆ่าพยาธิอย่างเด็ดขาดอัตราการติดเชื้อกระโดดขึ้นสูงกว่า 15% ภายในระยะเวลาสองสัปดาห์

    อุตรประเทศ กลายเป็นรัฐที่มีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อน้อยที่สุดและเข้มงวดในการให้ยาฆ่าพยาธิในทุกคนในครอบครัวที่เกิดมีการติดเชื้อขึ้น

    ทั้งนี้เขตอุตรประเทศมีการฉีดวัคซีนเพียง 4.9% และถือเป็นหนึ่งในห้ารัฐ ของประเทศอินเดียที่มีการฉีดวัคซีนน้อยที่สุด

    โดยที่Kerala เป็นหนึ่งในห้าของรัฐในประเทศอินเดียที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุดเป็นจำนวนมากกว่า 70% ในคนที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปและ 56% ของประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็ม

    อย่างไรก็ตามสถานการณ์เลวร้ายของ Kerala อาจจะเกี่ยวเนื่องจากการวางใจประสิทธิภาพของวัคซีนมากเกินไป โดยที่การรักษาวินัยไม่ได้เข้มงวดมากนักในผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่หนึ่งเข็มขึ้นไป
    ทั้งนี้ โดยที่จำนวนไวรัสที่ปลดปล่อยออกมานั้นมีจำนวนมากพอ ๆ กันระหว่างผู้ไม่ได้รับวัคซีนหรือที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว และยิ่งมีการระบาดด้วยสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งจำนวนไวรัสที่ปล่อยออกมานั้นมีปริมาณสูงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 1000 เท่าจึงอาจจะเป็นข้ออธิบาย

    อีกประการหนึ่ง
    ความไว้ใจมากเกินไปเมื่อได้รับวัคซีนไปแล้วโดยเชื่อว่าจะไม่ติดเชื้อนั้นอาจจะได้ผลตรงข้าม ทั้งนี้ในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐที่ปรากฏว่าการติดเชื้อในคลัสตอร์หนึ่งปรากฏว่า 74% จาก 469 รายนั้นได้รับวัคซีนสองเข็มแล้วด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับรัฐออเรกอนและฮาวายที่มีการฉีดวัคซีนสูงสุด

    บทสรุปหรือบทเรียนจากประเทศอินเดียตามคำวิจารณ์จากสื่อตะวันตกปัจจุบัน พลิกออกมาว่ายาฆ่าพยาธิไอเวอร์เมคติน อาจจะสามารถทดแทนกรณีที่หาวัคซีนหรือฉีดไม่พอไม่ทันได้ แต่การฉีดวัคซีนอย่างเดียวไม่สามารถเติมเต็มในกรณีที่ไม่ใช้ยาฆ่าพยาธิหรือใช้ช้าเกินไปได้

    ในประเทศไทยผู้ออกกฎยังยึดถือฝรั่งเป็นสรณะ จะต้องดูสถานการณ์ หลักฐานและข้อเท็จจริงรอบตัว รอบด้าน และสำนึกในความยากจนของประเทศที่ยากไร้ลงทุกขณะ แต่ยังคงปฏิเสธของดีใกล้ตัวที่ได้ประโยชน์อยู่อย่างคอเป็นเอ็น กรรมมีจริง ตามสนองในชาตินี้

    https://www.facebook.com/share/p/dDm3oTWCGBfMBZu7/?mibextid=qi2Omg



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized