WEBSITE
ใช้สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ของ บุคคล บริษัท องค์กร แต่ละเว็บไซต์มีชื่อเฉพาะตัวของตัวเอง หรือ คือ Domain Name เช่น vir9.com , facebook.com , google.com Content เผยแพร่ให้กับ บุคคลทั่วไปบนโลกอินเตอร์เน็ต
FACEBOOK PAGE
Facebook เป็น Social Media ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ราว 2000 ล้าน account ใช้สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ของบุคคล บริษัท องค์กรใดๆ สร้าง Facebook Page ได้หมด อยู่ภายใต้การกำกับของ Facebook การเผยแพร่ข่าวสารบน Facebook Page จึงเผยแพร่สู่ผู้ใช้งาน Facebook เป็นหลัก
เรื่อง | Website | Facebook Page |
ความน่าเชื่อถือ | เหนือกว่า | ด้อยกว่า จะปิดเพจเมื่อไรก็ได้ หรือ ถูกปิดเมื่อไรก็ได้ อาจถูกกลั่นแกล้งก็ได้(report) |
ระยะเวลาในการสร้าง | ไม่กี่คลิกก็สร้างได้แล้ว (ต้องจดโดเมน + เช่าโฮสต์) | ไม่กี่คลิกก็สร้างได้แล้ว |
การเผยแพร่ Content | เผยแพร่ Content ให้ ผู้ติดตาม (โดยมีระบบ subscriber) ได้เลย เห็นทันทีจาก notification ของผู้ติดตาม และ เผยแพร่ใน Search Engine เช่น Google | เผยแพร่ Content ให้ ผู้ติดตาม ได้เลย เห็นทันทีจาก Feed ของผู้ติดตาม |
อันดับคำค้น ธรรมชาติ | ใช้ SEO Content โดยมี Search Engine เช่น Google เป็นตัวกลาง ใช้ระยะเวลา อาจจะ 3 – 6 เดือน | ใช้ SEO ของ facebook ระยะเวลาขึ้นกับความนิยมของ content |
การทำโฆษณา | ทำโฆษณาผ่าน Search Engine อย่าง Google มี Google Adwords ต้อง Research Keyword ใช้เป็นคำในการโฆษณา เพื่อเชื่อมโยงกับการโฆษณาของเรา | มี Facebook Ads ในการทำโฆษณา ใช้ง่ายมาก เพียงแค่ Boost Post หรือ Promote Page มี Target กลุ่มเป้าหมายได้ตรง |
รูปแบบการทำงานของโฆษณา | คนต้องการอะไรก็จะค้นใน google กลุ่มเป้าหมาย ต้องการขณะนั้น จึงได้ไปค้น แล้วใช้บริการ | Facebook จะแสดงโฆษณา โดยเลือกกลุ่มเป้าหมาย แต่อาจจะไม่มีความต้องการ ขึ้นกับ เงื่อนไขการเลือกเป้าหมาย อายุ เพศ ความสนใจ แต่เป้าหมายก็ไม่ได้ต้องการขณะนั้น |
การจัดการเนื้อหา | จัดหมวดหมู่ได้ตามที่ต้องการ ออกแบบได้หมด สุดยอด | เนื้อหาใหม่ที่สุด จะอยู่ข้างบน เนื้อหาเก่าๆ จะลงไปอยู่ด้านล่าง ถ้าอยากจะดูเนื้อหา เก่าๆ ต้องเลื่อนลงไป แย่มาก |
การโต้ตอบกับผู้ใช้ | ตอบโต้กับผู้ใช้ ผ่านทางโปรแกรมเว็บแชทที่มีมากมายให้ใช้ แม้แต่ Messenger แบบเรียลไทม์ คอมเมนท์ทดแทนด้วย webboard หรือ ดึง comment เฟสบุ๊กมาก็ได้ | โต้ตอบกับ กับผู้ใช้งานได้ ทาง Comments และ Messenger แบบเรียลไทม์ |
ภาพลักษณ์ | เว็บไซต์ จะแตกต่างกันที่การ ออกแบบ เว็บไซต์มีเอกลักษณ์ และสื่อสาร ความเป็นองค์กรได้มากกว่า | Facebook เหมาะกับการสร้าง Engagement กับผู้ใช้ จึงเป็น Community Online |
การควบคุม | เว็บไซต์ สามารถตกแต่ง เพิ่มเติม หรือทำอะไรก็ได้ จึงเป็นอิสระควบคุมทุกอย่างด้วยเรา | อยู่ภายใต้กฎของ Facebook นโยบาย ลดการมองเห็น เช่น Reach |
การเพิ่มเติมความสามารถ | ติดตั้งโปรแกรม หรือ เขียนโปรแกรมเสริมสำหรับเว็บไซต์ อย่างที่จินตนาการของเราจะจะไปถึง | เพิ่มเติมความสามารถ ได้โดย การติดตั้ง Facebook Page Application เช่นดึง Feed จาก Youtube ลงบน Page ทำได้ผ่าน Facebook Page Application |
Brand | เหนือกว่า | ด้อยกว่า |
การดูแลระบบ | ตรวจสอบ ดูแลสคริ๊ปเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ อัพเดท ระวังไวรัส การใช้งาน | ไม่ต้องดูแล |
ใส่อะไรเพิ่มได้แค่ไหน | ทุกอย่าง + หน้าแรก- Intro + เนื้อหาหน้าแรก – Home + ระบบสมาชิก– Login + ประวัติ บุคคลากร ข้อมูลทั่วไป – History and Information + โครงสร้างการบริหารงาน – Structure + แกลเลอรี่ภาพ กิจกรรม – Photo Album + ปฏิทินกิจกรรม – Calendar + ข่าวสารประชาสัมพันธ์ – News + ความรู้ – Knowledge + ดาวน์โหลดเอกสาร – Document Download + สมุดเยี่ยมชม – Guest Book + เว็บบอร์ด – Web board + สถิติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ – Stat + ติดต่อเรา – Contact us + ระบบจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ – Back Office + ระบบอื่นๆ ตามที่สคริ๊ปรองรับ – General | ตามที่เฟซบุ๊กให้มา |
การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์
การตลาดออนไลน์ ควรใช้ เว็บไซต์เป็นหลัก เสริมด้วย Facebook Page หรือ platform อื่นๆ ดึง Traffic หรือ คนเข้าเว็บไซต์ ที่มีการจัดระเบียบเนื้อหาเป็นอย่างดีได้ และ เว็บไซต์เองถ้าทำ SEO ได้แล้วก็สามารถดึงคนมาพูดคุยกันที่ Facebook Page ได้ เว็บไซต์ช่วยให้ Facebook Page ของเราน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่า Page ที่ไม่มีเว็บไซต์รองรับด้วย และสุดท้าย เพื่อพัฒนาไปสู่ web stand alone
การเริ่มต้น อาจเริ่มสร้าง Facebook Page เพราะง่ายเร็วฟรีแล้วค่อยๆสร้างเว็บไซต์ตามมา แล้ว ส่งผู้ติดตามจาก Facebook Page เข้ามาเว็บไซต์ โดยโพสลิงค์ให้เข้าไปอ่านเนื้อหาในเว็บไซต์ต่อไป
เวลาผ่านไป Search Engine อย่าง Google ได้เก็บข้อมูล และ จัดอันดับเว็บไซต์ เราจากการทำ SEO เว็บเราก็จะถูกจัดอันดับที่สูงขึ้น ผู้คนจะหาเว็บไซต์ของเราเจอได้ง่ายขึ้น และมีการเข้าไปใช้ Facebook Page ของเราเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ส่งเสริมกัน แต่เว็บไซต์เป็นฐานหลัก
เพื่อความสำเร็จในธุรกิจของเรา ควรมีทุกอย่าง เท่าที่จะสรรหามาได้
เราควรใช้ Facebook แทน Website หรือไม่?
เฟซบุ๊กเป็นเว็บไซต์หนึ่ง ที่ให้บริการฟรี ในแบบสังคมออนไลน์ (social platform online ) และหลายคนใช้ Facebook แทนหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง
ความน่าเชื่อถือ facebook ไม่มีความเป็นทางการ เป็นการตัวตนบนโลกออนไลน์ เหมาะกับการทำการตลาด เฟซบุ๊กเพจ จะถูกปิดเมื่อไรก็ได้ โดยการถูกแบน หรือ ถูกรีพอทจากผู้ไม่หวังดี ศรัตรูทางธุรกิจ และ การหลอกลวงทำได้ง่าย รับเงินแล้วก็บล๊อก หรือ ปิดเพจหนีไป ติดตามยาก
ความไม่แน่นอน
Facebook เปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน เปลียนอัลกอลิทึม เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ อาจกระทบต่อเพจ การโดนแบน Fan Page / Facebook profile ทำให้ Fan Page ของคุณจะหายไปในทันที ธุรกิจของคุณทุกอย่างบนเฟซบุ๊กจบลง ร้านถูกปิด โดนไล่ที่ ไล่ออก ต้องไปหาที่ค้าขายใหม่ บอกลูกค้าใหม่ ว่าย้ายไปไหน และในช่วงแรกต้องเริ่มต้นใหม่ แต่หากใช้เว็บไซต์เป็นฐานหลักในโลกออนไลน์ สถานการณ์จะต่างออกไป ลูกค้าจะยังอยู่กับคุณ เพียงแค่คุณหาแฟลตฟอร์มอื่นที่เป็นโซเชียล เพื่อทำตลาดต่อไป
ความสะดวกในการใช้งาน
facebook ต้อง Login ก่อนจึงจะแสดงผล ไม่สะดวกกับคนที่ไม่ชำนาญ คนที่ไม่มีเฟสบุ๊ก
การจัดการบน Facebook ให้เป็นไปตามความต้องการค่อนข้างยาก การเข้าไปในเมนูต่างๆ เพื่อตั้งค่า มีความซับซ้อน บริหารจัดการเนื้อหายาก เช่น การแยกหมวดหมู่สินค้า การจัดการโปรโมชั่น การทำไฮไลท์ ไม่มีระบบจัดการการรวมข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อให้เข้าถึงง่าย แต่เป็นการเลื่อนลงมาแทน ถามตัวคุณเอง เวลาคุณเข้าไปในเพจจะเลื่อนดูโพสท์อย่างมากกี่โพสท์ แล้วเจออะไร? แล้ววันหน้าจะเข้ามาอีกไหม? ต้องการดูสินค้าทำอย่างไร นอกจากต้องถามแอดมินเพจ
การค้นหาข้อมูลทำได้ยาก หรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อลูกค้าหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ ก็จะไปค้นหาที่ๆหาได้ง่ายกว่า แต่การจัดทำเว็บไซต์ ขึ้นมาเอง มีการจัดเป็นหมวดหมู่ ค้นหาง่ายตรงตามต้องการ ค้นในเว็บไซต์ของเรา ดึงข้อมูลเฉพาะของเราคนเดียว เพียงแต่การมีเว็บไซต์จะต้อง จ่ายค่าจดโดเมนเนม และ เช่าโฮสติ้ง แล้วติดตั้งโปรแกรมสร้างเว็บไซต์ที่ต้องการ ก็ใช้ได้แล้ว เช่น cms ต่างๆ
การบริหารจัดการ
Facebook เหมาะกับการทำตลาด และ ส่งข้อมูล ทาง Personal Message แต่ เว็บไซต์จะมีระบบจัดการหลังบ้าน ที่ทำได้ได้ง่ายกว่า เช่น ขายเป็นร้านออนไลน์ ส่งข่าวสารแจ้งลูกค้าได้ง่าย การติดตาม อัพเดทสินค้าที่ลูกค้าได้สั่งซื้อไป ลูกค้าพียงเข้ามาในระบบ แล้วติดตามสถานะสินค้า
การที่ลูกค้าเข้ามาใน Facebook แล้วจะหาเจอในสิ่งที่ต้องการไม่ใช่เรื่องง่าย
ใน Facebook นั้น การที่จะทำเมนู สินค้ายอดนิยม, สินค้ามาใหม่,แยกหมวดของสินค้า, วิธีการ สั่งซื้อ, ข้อมูลติดต่อตัวเว็บไซต์ ให้เป็นระเบียบเพื่อให้ลูกค้าหาสิ่งที่ต้องการเจอทำได้ค่อนข้างยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และ คนที่เข้าเว็บไซต์คงไม่ชอบหาอะไรยากๆ ถ้าเขาหาอะไรไม่เจอเค้าพร้อมที่จะออกไปหาในเว็บไซต์อื่นๆที่หาได้ง่ายกว่า ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเราสามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้ ใช้ควบคู่กับเว็บไซต์
เว็บไซต์จำเป็นไหม?
จำเป็นมาก มันเป็นฐานธุรกิจหลัก สำหรับธุรกิจในโลกออนไลน์ เปรียบเสมือนบ้านหลัก ฐานทัพหลัก ส่วนแฟลตฟอร์มต่างๆ เช่น facebook youtube twitter tiktok line etc เอาไว้เสริมการทำตลาด ส่งทราฟฟิกเข้าเว็บไซต์หลักของคุณ จุดเด่นของ facebook คือ การตลาด
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ Google และ facebook เป็น platform ที่ใช้งานหลักในการทำตลาดที่นิยมมาก
facebook โดดเด่น เรื่องการแชร์ การยิงแอด การเข้าถึง การทำตลาด
google โดดเด่น เรื่อง การโฆษณา ผ่านระบบ adword ค้นจาก keyword ผ่านระบบค้นหา ในหน้า google.com และ สามารถทำ SEO ให้อันดับเว็บไซต์ของคุณขึ้นสู่อันดับต้นๆ โดยไม่ต้องจ่ายโฆษณาอีกต่อไป
การใช้งาน facebook , เว็บไซต์
บางคนหันไปใช้ Facebook fan page ในการอัพเดทเรื่องต่างๆ และ ใช้เว็บไซต์โชว์สินค้า และ รายละเอียดข้อมูลต่างๆ และ ในเว็บไซต์จะจัดทำให้เข้าใจง่าย ตัดส่วนที่ไม่จำเป็น (ที่คุณไม่ได้ใช้มัน) ทิ้งไป เช่น หน้า Discussion หน้า Review etc ซึ่งขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้ของแต่ละธุรกิจ
การทำตัวให้คอยใส่ใจอยู่เสมอ อัพเดทอยู่สม่ำเสมอ ฉลาดในการปรับปรุงพัฒนาเพจ ตอบกลับคอมเมนท์จากผู้ใช้งาน เรื่องความปลอดภัย เพียงแค่ตั้งพาสเวิดให้แข็งแรง และไม่ต้องกังวลในเรื่อง SEO และการทำให้ไซต์ของคุณถูกค้นเจอจากการหาโดยการใช้คีย์เวิร์ดในตลาดอีกด้วย เพราะ จะเป็นเรื่องของการได้รับความนิยมและยอด follow แต่ก็ถูกจำกัดมากขึ้น
เพจเฟสบุ๊กเป็นอีกหนึ่งช่องทางยอดเยี่ยมในการเริ่มต้น เมื่อคุณกำลังสร้างหรือกำลังพัฒนาเว็บไซต์ของคุณอยู่ การใช้เพจเฟสบุคยังช่วยในเรื่อง SEO ด้วย เช่น Social mention ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อ SEO ของเว็บไซต์คุณ
ข้อเสียของการใช้เพจเฟสบุคแทนเว็บไซต์ในการเข้าถึงลูกค้า
ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง จึงไม่ควรให้ใช้เพจเฟสบุคเพียงอย่างเดียว การมีแค่เพจเฟสบุคเพียงอย่างเดียวจะทำให้คุณเสียตลาดใหญ่ที่มีลูกค้าทรงประสิทธิภาพหรือลูกค้าผู้มีศักยภาพสูงๆไป คุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและควบคุม SEO ของบริษัทคุณเองได้ และการทำคอนเทนท์มีประโยชน์มากสำหรับบริษัทที่เป็น web-based marketing เมื่อคุณใช้เวลาในการสร้างคอนเทนท์ดีๆ ขึ้นมาสักชิ้น จงแน่ใจว่าคุณได้แสดงมันไว้ในเว็บไซต์หลักของคุณ แล้วคุณจะได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างถึงที่สุด
เฟสบุคก็วางแผนที่จะจำกัดการใช้งานของเพจเล็ก (ที่มีแฟนเพจไม่ถึง 10,000 คน) จากการเข้าถึงของผู้ใช้คนใหม่ๆ แล้ว ซึ่งมันก็เหมือนเป็นการตบหน้าเจ้าของธุรกิจ sme หรือธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างฐานลูกค้า ซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอถ้าเรายังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ถ้าเรายังใช้สื่อในการโฆษณาด้วย Social network ที่สามารถใช้งานกันได้อย่างฟรีๆ กับเส้นทางอาชีพของเรา ไม่มีอะไรสามารถการันตีได้เลย จำไว้ว่า คุณกำลังยืมจมูกของคนอื่นหายใจอยู่ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะให้ยืมไปจนถึงเมื่อไร
นอกจากนี้ สิ่งที่ปรากฎให้ผู้ใช้หลายคนเห็น ก็ยังไม่ใช่แค่คุณคนเดียว ดูสิ นั่นคือโฆษณาของคู่แข่งของคุณโผล่เข้ามาอีกแล้ว! เฟสบุคจะลงโฆษณาไว้แถบด้านขวาของเพจ ซึ่งถ้าคู่แข่งของคุณจ่ายมันไปกับสิ่งนี้ ผู้ใช้ของคุณก็อาจเอนเอียงไปหาพวกเขาได้ คุณจึงต้องมีเว็บไซต์เพื่อเป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์เช่นกัน
แนะนำให้ใช้เพจเฟสบุคกับเว็บไซต์ เพื่อสนับสนุนกันและกัน ดังนี้
ถ้าเป้าหมายของคุณคือการโปรโมทอีเวนท์หนึ่งๆ เพจเฟสบุคก็เป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้ คุณจะได้มีฟังก์ชั่นปฏิทินในการกระตุ้น RSVPs และใช้ฟังก์ชั่นการแชร์ การ follow up, แกลลอรี่รูปภาพ และวีดีโอก็เป็นสิ่งที่ล้วนมีส่วนช่วยทำให้อีเวนท์นั้นๆ น่าไป และน่าติดตามมากขึ้น
หากคุณมีแคมเปญหรือโปรเจคใหม่ๆ ที่ไม่ได้เป็นตัวหลักขององค์กร คุณอาจไม่ต้องการสร้างเว็บไซต์อีกตัวขึ้นมาเพื่อรองรับมัน ซึ่งเพจเฟสบุคก็เป็นตัวช่วยที่ดีในเรื่องนี้ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพัฒนาหรือปรับปรุงเว็บเดิมเพื่อรองรับ เพราะมันอาจมีข้อมูลหรือเจาะตลาดที่แตกต่างไปจากเว็บเดิมของคุณ ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวก็สามารถนำมาลงไว้ที่เพจเฟสบุคหลักได้ โดยที่ยังสามารถสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าของคุณได้เช่นเดียวกัน
ถ้าเป้าหมายของคุณคุณคือไม่ต้องการสร้างตัวตนในตลาดอย่างจริงจัง ไม่จำเป็นต้องมีความน่าเชื่อถือมากนักเพื่อเจาะตลาดกลุ่มใหญ่ เพจเฟสบุคก็เป็นทางออกที่ดีในการที่จะไม่ต้องยุ่งวุ่นวานกับการสร้างเว็บไซต์จริงจังอย่างที่กล่าวไปในข้อดีของมัน
http://www.imediaconnection.com/articles/ported-articles/red-dot-articles/2011/feb/can-a-facebook-page-replace-a-website/
ทำไมต้องมีเว็บไซต์ ในเมื่อมี facebook แล้ว?
เอาเงินทำเว็บไซต์ไปโปรโมทเพจไม่ดีกว่าเหรอ?
ตัวเว็บไซต์ ทำหน้าที่ ดึงผู้คนที่ไม่ได้เล่น Facebook ให้เจอเว็บของเรา เป็น organic traffic คือ คนที่ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ในหน้า Google แล้วมาเจอเว็บเรา แล้วสนใจ และติดตามเว็บเรา เป็น ทราฟฟิกธรรมชาติ ซึ่งถ้าทำ SEO ดีๆ เว็บไซต์จะติดอยู่ในอันดับต้นๆของ google ซึ่งจะเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ของเราอีกมหาศาล ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีวันหยุด ทราฟฟิกแบบนี้ มีค่ามากกว่า ทราฟฟิกบน Facebook ค่อนข้างมาก เพราะการที่คนค้นหา หมายถึง กำลังต้องการ (แต่เฟสบุ๊กแค่โชว์ไปที่กลุ่มที่เราตั้งเงื่อนไข) และ เมื่อเขาได้เจอเว็บเรา และถูกใจ ก็จะเป็นแฟนในเว็บของเราเอง ความหมายเดียวกับ แฟนเพจที่ติดตามเพจ แต่เขาจะจดจำชื่อเว็บไซต์ของเราแทน แล้ววันหน้าเขาจะเข้ามาดูโดยพิมพ์ชื่อเว็บไซต์เรา เข้าโดยตรงเลย โดยไม่ผ่านกูเกิ้ล ซึ่งนั่นจะทำให้เว็บไซต์ของเราเป็น เว็บ stand alone คือ เข้าไปใช้ได้เลย เหมือนเวลาคุณเข้าไปใช้งานเว็บต่างๆ คุณก็แค่พิมพ์เว็บไซต์เหล่านั้น และคนที่เข้ามามีตัวตนจริงๆ อย่างแน่นอน มีโอกาสที่จะขายได้จริงๆ สูงมากกว่า ที่จะไปเสียเงินเพิ่ม LIKE ใน Facebook อีก ยังไม่นับรวมข้อดีอีกอย่างที่เราสามารถนำเว็บไซต์เราไปหารายได้เพิ่มจากการเเสดงโฆษณาของ google
เหตุใดเราจึงมีความจำเป็นต้องมีเว็บไซต์?
ตราบเท่าที่ผู้คนยังคงค้นหาสิ่งที่ต้องการ จากการ Search บน Search engine อย่าง Google เว็บไซต์ก็ยังมีความจำเป็น การทำการตลาดออนไลน์ จึงควรทำทั้งฟากของ facebook และ google