• June 9, 2020

    แผนผังความคิด:วัฏจักรแห่งสมอง-จิต-ชีวิต-งาน-ความสุข
    โดยเพิ่มเรื่อง“การจัดการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์”(กรอบที่8) และคำอธิบายเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสมอง ทำให้แบ่งสมองออกเป็น 3 ส่วนในกรอบที่ 1

    แผนผังความคิด เรื่อง”วัฏจักรแห่งสมอง – จิต – ชีวิต – งาน – ความสุข” ตามลำดับเลขที่กรอบข้อความ

    กรอบที่ 1  องค์ประกอบของชีวิต

    กรอบที่ 1  องค์ประกอบของชีวิต (ได้แก่ ร่างกาย-สมอง- จิตใจ ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวม)โดยมีสมองเป็นศูนย์บัญชาการ ทำหน้าที่เกิดสิ่งที่เรียกว่า“จิต” “ใจ” หรือ “จิตใจ”  ได้แก่ รับรู้  รู้สึก  นึกคิด  จดจำ และสั่งการ

    แง่มุมวิวัฒนาการของมนุษย์มาในช่วงเวลายาวนาน แบ่งสมองเป็น 3 ส่วน
    (1) สมองส่วนหลัง มีวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน เรียกว่า”สมองตะกวด”
    ทำหน้าที่เกี่ยวกับสัญชาตญาณเพื่อการอยู่รอด
    (2) สมองส่วนกลาง มีวิวัฒนาการมาจากสัตวNเลี้ยงลูกด้วยนมชั้นต่ำ เรียกว่า  ”สมองสุนัข”
    ทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์  แรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดความจำฝังใจและความจำระยะยาว
    (3) สมองส่วนหน้า พัฒนาสูงสุดในมนุษย์ เรียกว่า”สมองมนุษย์”
    ทำหน้าที่เกี่ยวกับสติปัญญา การใช้เหตุใช้ผล การรู้ตน  รู้เขา การยับยั้งชั่งใจ การควบคุมอารมณ์  ความสำนึกในศีลธรรมและความดีงาม ฯลฯ

    โดยธรรมชาติ สมองมนุษย์ (สติปัญญา เหตุผล) ทำงานช้ากว่า สมองตะกวด (สัญชาตญาณ และปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตามนิสัย ความเคยชิน) และ สมองสุนัข (อารมณ์) 5 – 20 เท่า  คนเราจึงรับรู้สิ่งเร้าจากภายนอกด้วยอารมณ์และความเคยชินมากกว่าเหตุผล และเกิดการตอบโต้จนมีความเครียด(ความทุกข์)  จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาตนและจิตใจ

    กรอบที่ 2 กลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรม

    กรอบที่ 2 กลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรม ซึ่งมีระบบคิด/มุมมอง (มีรากเหง้าจากการรับรู้ในอดีต – ความจำ – ในรูปของข้อมูล ความรู้  ความเชื่อ  ค่านิยม ประสบการณ์ ความเคยชิน นิสัย ปมด้อย ปมฝังใจ  ต่อมsensitive  ฯลฯ) เป็นตัวกรอง(คล้ายแว่นสีต่างๆ) ที่กรองการรับรู้ต่อสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตและงานของเราในแต่ละวัน เป็นไปในลักษณะที่มักมีอคติ ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง(ภาววิสัย-objectivity)ที่ปรากฎต่อเบื้องหน้าเราในปัจจุบันขณะ ย่อมก่อให้เกิดความรู้สึก ความนึกคิด และอารมณ์ที่เป็นลบ และกระเทือนต่ออัตตา(ego/self)  กล่าวคือ ความรู้สึก“ตัวกู”/”ของกู” ถูกกระตุ้นให้ผุดบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง ปานสายฟ้าแลบ เกิดอาการ “วีน”  “ปรี๊ด” “องค์ลง”  หรือ“เบรกแตก”  จนก่อเกิดพฤติกรรมที่เป็นลบ (และอาจถึงขั้นทำร้าย/ทำลายคนอื่น/ตัวเอง) ตามมา นำมาซึ่งความเครียด /ความทุกข์ (stress / mental suffering) เรียกปฏิกิริยาอันเป็นโทษหรืออกุศล(harmful)นี้ว่า ”เส้นทางนรก”

    กรอบที่ 3 มรรควิธีในการป้องกันและจัดการกับความเครียด (ความทุกข์)

    กรอบที่ 3 มรรควิธีในการป้องกันและจัดการกับความเครียด (ความทุกข์) คือ การบริหาร(ฝึกฝนตนเอง) 8 วิธี (มรรค 8) ช่วยพัฒนาร่างกาย สมอง และจิตใจ

    กระตุ้นให้เซลล์สมองงอกใหม่ (neurogenesis) และปรับวงจรใหม่ (neuroplasticity  , rewire) โดยเฉพาะอย่างยื่งเปลือกสมองส่วนหน้า (prefrontal  neo -cortex) ที่ทำหน้าที่”จิตสูง”ของมนุษย์ ให้มีสติปัญญาสมบูรณ์ (“สมองมนุษย์”ทำงานได้ไวทันและสามารถควบคุมกำกับ”สมองตะกวด และ “สมองสุนัข”) เกิดการรู้ตน* (ที่สำคัญคือ การตามดูรู้ทันความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของตน) รู้เขา(เข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น) รู้จักยับยั้งชั่งใจ ควบคุมร่างกายและอารมณ์ให้สงบ สำนึกในศีลธรรม(มโนสำนึก)ด้วยตนเอง มีจิตเมตตากรุณา

    หากยืนหยัดทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่องก็จะเกิด สติอัตโนมัติ และ ปัญญาอัตโนมัติ รู้เท่าทัน(ตนเอง ผู้อื่น สังคม และโลก) และมีวุฒิภาวะทางอารมณ์(EQ) ที่สมบูรณ์(กรอบที่ 4)  มีระบบคิดและมุมมองที่ปลอดจากอคติ (มีความคิดที่ตรงกับภาววิสัย- objectivity) กำกับ ทำให้รับรู้ตามความเป็นจริงที่อยู่เบื้องหน้าเรา ทำให้มีความรู้สึก นึกคิด อารมณ์ และพฤติกรรมด้านบวกที่เป็นคุณ (กุศล)  มีชีวิตและงานที่มีประสิทธิภาพ และ มีความสุขสงบ  ขอเรียกปฏิกิริยาอันเป็นคุณหรือกุศล (useful)นี้ว่า เส้นทางสวรรค์

    การบริหาร 8 วิธี ยังช่วยให้มีระบบคิดแบบเปิดหรืองอกเงย(growth mindset) แทน  ระบบคิดแบบปิดหรือตายตัว (fixed mindset) (กรอบที่ 5)  เกิดการเรียนรู้และเติบโต  ให้เกิด ” 4เก่ง” “7 รู้” และ  “7 อุปนิสัย” (กรอบที่ 6)  ส่งผลให้เกิด “3 แนวทางสร้างสุข” (กรอบที่ 7) ซึ่ งเสริมแรงให้กลไกการเกิดอารมณ์และพฤติกรรมเป็นไปในทางบวก นำมาซึ่งความสุขสงบอีกทางหนึ่ง  ขณะเดียวกันก็กลับมาส่งเสริมการพัฒนาตนให้เกิด ” 4เก่ง”  “7 รู้”  และ    “7 อุปนิสัย” ที่สมบูรณ์ยิ่งๆขึ้น  และกลับมาหนุนเสริมให้มีการบริหาร 8 วิธีอย่างจริงจังและต่อเนื่องมากขึ้น   มีผลต่อการพัฒนาร่างกาย สมองและจิตใจมากยิ่งๆขึ้น …… กลายเป็นวัฏจักรเสริมแรงบวกไปเรื่อยๆไม่รู้จบ …. ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เรามีทักษะใน ”การจัดการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์” (กรอบที่8)ที่เข้มแข็งยิ่งๆขึ้น

    สรุป ต้องเริ่มต้นด้วยการหมั่นฝึกฝนตนเองตามกรอบที่ 3

    จะอ่านจะฟังอะไรดีๆมามากมายนั้น ยังไม่พอ ต้องลงมือทำ ทำ และทำเท่านั้น
    To Learn, To Commit & To Do”  คือ “รู้ – มุ – ทำ

    จงระลึกไว้เสมอว่า “รู้ว่าดีแล้วไม่ทำก็เหมือนกับไม่รู้”  ”เวลาและวารี  มิคอยใครใฝ่ธรรม-ทำ”   และ “ปัญญารู้ได้ด้วยการสนทนา  แต่ปัญญาย่อมเกิดเพราะใช้การ”
    “Learning by Doing / Learning by Practice “ 

    *ปัจจุบัน ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสมอง บ่งบอกว่ามีส่วนของสมองหลายส่วนที่ทำหน้าที่รู้ตน เช่น

    (1)ด้านหน้าของเปลือกสมองส่วนหน้า (anterior prefrontal neo-cortex) ทำหน้าที่ในการตามรู้ความคิด (thinking about thinking) ของตัวเอง และตามรู้ว่าตัวเองรู้หรือไม่รู้อะไร (knowing about knowing) ดังที่เรียกว่า “อภิปัญญา (metacognition)” พูดง่ายๆ ก็คือทำหน้าที่มองตนหรือทบทวนตัวเองนั่นเอง

    (2)เปลือกสมองส่วนหน้าตรงกลาง(middle prefrontal neo-cortex) อยู่ตรงกับตำแหน่งตรงกลางระหว่างหัวคิ้ว ๒ ข้าง ซึ่งตรงกับสิ่งที่เรียกว่า“ตาที่ ๓”  ทำหน้าที่รู้แจ้งในตนเอง (insight หรือ self- knowing awareness)

    (3)เปลือกสมองที่มีชื่อว่า“อินซูล่า(insula)”  อยู่ระหว่างสมองกลีบกลาง(parietal)กับกลีบข้าง (temporal) ทำหน้าที่จับทันความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายใร่างกาย (เช่น อาการใจสั่น จุกแน่น ปวดท้อง) ทำให้มีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น(อันกระตุ้นให้เกิความรู้สึกดังกล่าว) ก็จะช่วยให้อารมณ์นั้นทุเลาลงทันที ดังงานวิจัยโดยการถ่ายภาพสมองพบว่า เมื่อรู้ตัวว่ากำลังโกรธ  สมองส่วนอารมณ์ที่ทำหน้าที่นี้จะลดการทำหน้าที่ลง (คือหายโกรธ) ทันที ….. 

    ดังนั้น กล่าวได้ว่า ด้วยโครงสร้างและหน้าที่ของสมองดังกล่าว คนเราจึงมีความสามารถในการรู้ตน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่เอื้อให้เกิดความสุข



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized