มีผลกับไมโตคอนเดรีย ทำให้คืนความหนุ่มสาว
การศึกษาวิจัย เกี่ยวข้องสารเรสเวอรทรอล
กลไกการออกฤทธิ์ที่ผิวหนังของเรสเวอราทรอล พบว่า
มีผลต่อการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ (cellular signaling mechanisms) ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายผิวหนังจากรังสีอัลตร้า ไวโอเลต ได้แก่ Mitogen Activated Protein enzymes (MAP) kinase, Nuclear Factor kappa B (NF-kB) และ MatrixMetalloproteinase (MMPs) จึงสามารถป้องกันการเปลี่ยนแปลง ของโครงสร้างของผิวหนังที่ถูกทำลายจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตได้
และในการศึกษาทางเภสัชวิทยาของเรสเวอรเทรอล พบว่า
สามารถลดอาการเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจได้ถึง 40%
ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระยับยั้งการรวมตัวตกตะกอนของเลือดได้ดีช่วยในการควบคุม metabolism ของไขมันลดการอักเสบของเนื้อเยื่อลดการเกิดเนื้องอกของมะเร็ง และ สามารถป้องกันการเกิดโรคการเสื่อมของเส้น ประสาทสมอง โดยเฉพาะโรคอัลไซเมอร์และ พาร์กินสันได้อีกด้วย
มีการวิจัยศึกษาแบบ Triple – blinded control ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ 75 คน โดยการแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มแรกให้รับประทาน resveratrol 8 mg.
กลุ่มที่สองให้ทานยาหลอก (maltodextrin)
กลุ่มที่สามให้ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากองุ่น แต่ไม่มีส่วนผสมของ rerveratrol
เป็นเวลา 6 เดือน และเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าในอีก 6 เดือนต่อมา
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มที่รับประทาน resveratrol มีระดับ c-reactive protein (CRP) Tumor necrosis factor & PAI1 (Plasminogen activator inhibitor type1) ลดลงและมีระดับ interleukin – 10 เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยด้านการอักเสบจึงมีผลทำให้สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจในผู้ป่วยที่รับประทานได้
การศึกษายังพบว่า resrveratrol ทำงานให้ผลคล้ายคลึงกับ Statin ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอลอีกด้วย
มีรายงานจากการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารของประเทศฟินแลนด์ เมื่อปี 2007 ระบุว่า
การดื่มไวน์วันละแก้วจะทำให้ร่างกายได้รับสารเรสเวอราทรอล ช่วยชะลอวัย
ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าการดื่มไวน์จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
โดยสารเรสเวอราทรอลสามารถเปลี่ยนแปลงระดับไขมันคอเลสเทอรอลในเลือด โดยเพิ่มระดับของ HDL หรือคอเลสเทอรอลแบบดีให้สูงขึ้น และป้องกันไม่ให้เลือดเกาะกันเป็นก้อน การดื่มไวน์เพียงวันละหนึ่งแก้วจึงช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดโรคหัวใจได้ 30-40% และช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม รวมถึงป้องกันโรคเบาหวานด้วย
เรสเวอราทรอลยังมีฤทธิ์ในทางคลินิกอีกหลายประการ เช่น
ต้านอนุมูลอิสระต้านการอักเสบ
ต้านมะเร็ง
ต้านการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด
โดยทรานส์-เรสเวอราทรอล มีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระดีกว่าวิตามินซีและวิตามินอี แต่มีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระได้ดีไม่แตกต่างจากอีพิคาเทซิน (epicatechin) และเคอร์ซีติน (quercetin)
มีความเป็นพิษต่ำ ไม่ควรใช้ในขนาดที่สูงจนเกินไป หรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป
เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ มีรายงานว่าใช้มากกว่า 500-1000 มิลลิกรัม/วัน และผู้ที่ใช้ในปริมาณปกติแต่ใช้เป็นระยะเวลานาน (7วันขึ้นไป) พบว่ามีอาการท้องร่วง ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสีย