ความแตกต่างของ บริษัทในรูปแบบ Startup กับบริษัทธรรมดาคือ Startup จะหมายถึงธุรกิจที่วางแผนมาเพื่อเติบโตแบบก้าวกระโดดจากคนเพียงไม่กี่คน โดยสินค้าที่ทำออกมาคือก็คือ Software หรือ แอปพลิเคชัน ซึ่งการลงทุนไม่สูง หากมีการวางแผนธุรกิจที่ดี มีไอเดีย สามารถสร้างผลงานให้คนใช้ได้ทั่วโลก ก็จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่การจะทำให้ธุรกิจให้ออกมาดีก็ต้องใช้เงินทุน เงินทุนที่ว่านี้ ก็มาจาก นักลงทุน โดยธุรกิจ Startup จะมีประเพณีการหาเงินทุนด้วยการขอเงินจากนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนจะมีการได้สิทธิ์ในการแบ่งปันรายได้ หรือเป็นหุ้นส่วนในบริษัทไปด้วย
สิ่งที่สำคัญที่ทำให้ startup แตกต่างจาก SME คือ Model ธุรกิจ โดยธุรกิจของ startup จะต้องถูกออกแบบมาให้เติบโตอย่างรวดเร็ว แบบก้าวกระโดด จึงแตกต่างจาก SME
ดังนั้นการเป็น Startup ต้องมีแผนธุรกิจ ต้องมีทีม ซึ่งนักลงทุนจะดูที่บุคลิกของคนในทีมด้วย ว่าเป็นคนที่เค้าอยากลงทุนด้วยหรือเปล่า โดยนักลงทุนจะมี 2 ประเภทคือVC กับ Angel investor
Venture Capital หรือเรียกย่อๆ ว่า VC ซึ่งก็คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน โดยลงทุนเหมือนเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท Startup มีการลงทุนระยะยาวประมาณ 3-5 ปี ซึ่งมักเป็นนักลงทุนในรูปแบบขององค์กร การลงทุนของ VC จึงมักจะมีมูลค่าที่สูงกว่า Angel investor ซึ่งมักมองภาพของธุรกิจในระดับที่ใหญ่และนอกจากสนับสนุนทางด้านการเงินแล้ว VC ยังให้คำปรึกษา ช่วยชี้แนวทางในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจที่ได้รับเงินร่วมลงทุน สามารถที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วน Angel Investor มักเป็นนักลงทุนรายอิสระหรือกลุ่มนักลงทุนอิสระที่ใช้เงินส่วนตัวในการลงทุนในธุรกิจ จึงเสนอเงินที่น้อยกว่า VC เหมาะกับธุรกิจที่ลงทุนไม่สูงมาก โดย Angel investor มักเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว หรือเจ้าของธุรกิจส่วนตัวที่เกษียณตัวเองแล้วแต่มีประสบการณ์ในการเริ่มต้นและขยายธุรกิจ ซึ่งจะมีการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจแตงต่างกันไป และ มักจะได้คำปรึกษาและความช่วยเหลือจากนักลงทุนเหล่านี้อย่างต่อเนื่องหรือเมื่อต้องการ
คนส่วนใหญ่อาจคิดว่า Startup มันเป็นเหมือนความฝัน เป็นเรื่องของที่ซึ่งไกลโพ้น คนไทยทำไม่ได้หรอก แต่คนไทยจำนวนหนึ่งกลับไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาคิดต่าง พวกเขาเชื่อว่าคนไทยก็ทำได้ และเขาพยายามที่จะทำ บางคนก็เริ่มต้นโดยไม่รู้จักวิธีเขียนโปรแกรมเลยด้วยซ้ำ เราชื่นชมพวกเขาเหล่านั้น เราเชื่อว่าพวกเขาคิดถูก และพวกเขาจะทำได้ พวกเขาจะเป็นอนาคตของประเทศไทย เพราะนี่เป็นครั้งแรก ที่ทุกคนมีโอกาสทำธุรกิจที่เข้าถึงตลาดขนาดใหญ่มหาศาล ผู้ถือ Smart Phone ทั่วโลกคือลูกค้า พร้อมจะคลิ๊กให้เงินเข้ากระเป๋าเรา คุณไม่ต้องมีนามสกุลใหญ่โต ไม่ต้องมีเส้นสาย ไม่ต้องมีเงินทุนมหาศาลแต่คุณยังต้องการ ความรู้ ความสามารถ ไอเดีย โมเดลธุรกิจที่ดี และอาจจะผู้ร่วมทุนที่เชื่อในตัวคุณ คุณถึงจะก้าวไปสู่จุดนั้นได้จริงๆ