การเลือกซื้อต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ต้องทราบว่าโทรมือถือแต่ละรุ่นที่ผลิตออกมาให้ความถี่คลื่นวิทยุออกมาเท่าไร (Raduofrequency exposure level ) ท่านจะทราบโดยขอข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตหรือที่เวป http://www.fcc.gov/oet/rfsafety
ท่านจะต้องทราบว่าพลังงานที่ได้จากคลื่น (Specific Absorption Rate (SAR) เป็นการคำนวนพลังงานจากคลื่นวิทยุที่เราได้รับ)ไม่ควรเกินเท่าไร ปกติไม่ควรเกิน 1.6 watts per kilogram
SAR stands for Specific Absorption Rate
แม้ว่าจากหลักฐานถึงปัจจุบันพบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ แต่ยังมีคำถามถึงความปลอดภัยของการใช้โทรศัพท์มือถือในระยะยาว ซึ่งรัฐบาลของของหลายประเทศได้แนะนำให้มีการวิจัยเพิ่มเติม
SAR คืออะไร
หมายถง Specific Absorption Rate หมายถึงหน่วยการวัดปริมาณพลังงานที่ร่างกายได้รับขณะที่เราใช้โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ทุกเครื่องจะต้องผ่านการวัดโดยใช้พลังงานเต็มที่ แต่พลังงานที่เราใช้จริงจะน้อยกว่าค่าที่ได้จากการทดสอบ เพราะบริษัทเค้าออกแบบให้ใช้พลังงานต่ำที่สุดที่พอจะส่งคลื่นไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด ดังนั้นหากเราอยู่ใกล้สถานี เราจะได้รับพลังงานน้อย
เราจะเลือกเครื่องที่มีระดับ SAR เท่าไร
ในการเลือกซื้อเครื่องโทรมือถือนอกตากจะพิจารณา บริษัทที่ผลิต รุ่น แบบ ขนาด ประเภทการใช้งาน ราคา เราจะต้องคำนึงถึง ระดับของ SAR โดยค่าปกติจะไม่เกิน 1.6 watt/Kg
โทรศัพท์ของบริษัทแต่ละรุ่นมีค่า SAR เท่ากันหรือไม่
แม้ว่าจะเป็นโทรศัพท์จากบริษัทเดียวกัน แต่จะมีค่า SAR ไม่เท่ากัน
เราจะทราบว่าเครื่องของเรามีค่า SAR เท่าไร
มี website ที่ให้ท่านค้นหาว่าเครื่องของท่านมีค่า SAR เท่าไรค้นได้จาก www.fcc.gov/oet/fccid
ตารางข้างล่่างจะเป็นที่อยู่ของบริษัทที่ผลิตโทรมือถือ ซึ่งท่านจะสามารถหารายละเอียดของ Specific Absorption Rate (SAR) ของเครื่องแต่ละรุ่น
Kyocera Wireless: www.kyocera-wireless.com
LG:www.lge.com
Mitsubishi:www.mitshubishiwireless.com
Motorola:www.mot.com/rfhealth/sar.html
Nokia:www.nokiausa.com
Panasonic:www.panasonic.com
Samsung:www.samsungusa.com
Ericsson:www.sonyericssonmoible.com/us
อุปกรณ์ Hand free จะทำให้ปลอดภัยเพิ่มขึ้นหรือไม่
ในขณะที่ยังไม่ทราบถึงผลเสียของการใช้โทรศัพท์มือถือในระยะยาว ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ Hand free จะทำให้สมองของเราได้รับพลังงานจากคลื่นวิทยุลดลง
อุปกรณ์ที่ป้องกันคลื่นไปสู่ศรีษะใช้การได้หรือไม่
จากการศึกษาพบว่าอุปกรณ์เหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลเนื่องจากทำให้การใช้โทรศัพท์ลำบาก และเครื่องจะปรับพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้เราได้รับพลังงานเท่าเดิม
เราจะใช้มือถืออย่างปลอดภัยได้อย่างไร
จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานถึงผลเสียของคลื่นโทรศัพท์มือถือต่อสุขภาพ แต่ต้องรอผลการศึกษาอีก 3-4 ปี ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงเสนอแนวทางปฏิบัติลดระยะเวลาในการพูดโทรมือถือ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อสุขภาพทั้งผู้ใช้มือถือ หรือผู้ที่อาศัยใกล้สถานี
มาตราการเสริม การออกมาตราการควรจะอาศัยข้อมูลทางวิชาการ
หากภาครัฐหรือภาคประชาชนต้องการมาตราการเสริม ควรจะเป็นมาตราการจูงใจหรือสมัครใจ เพื่อให้บริษัทผลิตสินค้าที่มีการปล่อยคลื่นลดลง
ส่วนประชาชนโดยเฉพาะเด็กหากต้องการลดการรับคลื่นควรจะจำกัดการใช้หรือใช้อุปกรณ์ hand free
ปฏิบัติตามข้อห้าม เช่นไม่ใช้โทรศัพท์มือถือในโรงพยาบาล หรือเครื่องบิน
ความปลอดภัยขณะขับขี่ ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือในขณะที่ขับรถ หรืออาจจะใช้อุปกรณ์ hand free
สร้างรั้วหรือสิ่งกีดขวางบริเวณสถานีเพื่อมิให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังบริเวณดังกล่าว
การติดตั้งสถานี การติดตั้งสถานีใกล้โรงเรียนอนุบาล สนามเด็กเล่น โรงเรียน จะต้องพิจารณาให้รอบครอบ
ผลการศึกษา
รายงานจาก Cellphones ‘should not be given to children’ 18:19 11, January 2005 NewScientist.com news service ,Will Knight, London แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานถึงอันตรายของมือถือต่อสุขภาพ แต่ต้องระวังโดยเฉพาะในเด็ก มีรายงานจากประเทศสวีเดน ว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดเนื้องอกเส้นประสาทหูกับมือถือ
มีการวิจัยว่าการใช้โทรศัพท์มือถือนานๆจะเกิด Hot spot ในเนื้อสมอง ซึ่งเชื่อว่าจะมีการทำลายสมองบางส่วนและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเนื้องอกในสมอง และ Alzheimer’s disease
การวิจัยใหม่ๆพบว่าคลื่นโทรมือถือ GSM จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของเซลล์ และการเปลี่ยนแปลงคลื่นไฟฟ้าสมอง
http://www.siamhealth.net/public_html/Health/picture/dna.gif
พบว่าคลื่นวิทยุทำให้เกิดการสลายของ DNA ซึ่งหากไม่มีการซ่อมแซมจะทำให้เซลล์สมองตาย
นักวิจัยที่ Royal Adelaide Hospital in Australia ค้นพบว่าคลื่นแม่เหล็กุที่ออกมาจากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจจะมีความสัมพันธ์กับการเกิดเนื้องอกสมองของหนู
การที่สมองสัมผัสคลื่นโทรศัพท์มือถือนานๆจะทำให้สารพิษสามารถเข้าสู่เนื้อสมองได้ง่าย