แอรอน แพทเซอร์ เจ้าของโปรแกรมช่วยจัดการทางการเงินส่วนบุคคล

เขาคนนี้ส่อแววนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีตั้งแต่เด็กๆ เขาประกอบเลโก้เป็นประติมากรรมไม่ซ้ำใคร แล้วขอให้พ่อกับแม่ถ่ายรูปเพื่อส่งกลับไปเสนอขายให้ บริษัทเลโก้ เขาเล่นคอมพิวเตอร์เป็นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ อายุ 16 ศึกษา javascript และ html จนตั้งบริษัทพัฒนาเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้

แพทเซอร์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยดุ๊ค และจบปริญญาโท ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

จุดกำเนิดของ Mint.com เกิดจากความไม่ได้ดั่งใจ กับโปรแกรมจัดการเงินส่วนตัวที่เขาใช้อยู่ ระหว่างที่ใช้งานโปรแกรมที่ไม่ได้ดั่งใจอยู่นั้น แพทเซอร์เกิดความคิด อยากออกแบบโปรแกรมจัดการการเงินให้เร็ว ง่าย และดีกว่าโปรแกรมที่มีอยู่

ก่อนกระโจนใส่ความฝัน เขาเตรียมตัวเป็นอย่างดีด้วยการทำงานเก็บเงิน จนมากพอถึง 100,000 เหรียญ ก่อนลาออกจากงานที่ทำอยู่ เขาเริ่มสร้างโปรแกรมทางการเงินชั้นยอด เพียงผู้ใช้กรอกข้อมูลการเงินส่วนตัว โปรแกรมในเว็บจะทำการเชื่อมต่อฐานข้อมูลเพื่อดึงข้อมูลจากสถาบันการเงินนั้นๆ แล้วทำการอัพเดทข้อมูลล่าสุด จากนั้นจะประมวลผลอัตโนมัติ แล้วแสดงผลอย่างชัดเจนในรูปของแผนภูมิ ที่นำไปประกอบการตัดสินใจได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ

สิ่งที่น่าทึ่งคือ เขาทำงานคนเดียว ในห้องเล็กๆ วันละ 14 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ นานถึง 7 เดือน ระหว่างนั้นเขาต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเอง ความเหงา ความลังเล ไร้ผู้สนับสนุน เงินในบัญชีร่อยหรอลงเรื่อยๆ และไม่รู้เลยว่ามันจะออกหัวหรือออกก้อย เมื่อผลิตสินค้าพร้อมแล้ว เขาใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ด้วยการ ลงมือเขียนบล็อก เกี่ยวกับการจัดการการเงินส่วนบุคคลดีๆ ถึง 200 บทความเพื่อดึงดูดให้ผู้ชมเข้ามาอ่าน ตบท้ายด้วยการแนะนำเครื่องมือชื่อ Mint.com ให้ผู้ชมได้ดาวน์โหลดโปรแกรมรุ่นทดลองไปใช้ได้อย่างฟรีๆ และกเปลี่ยนกับการนำ Mint.com ไปแปะในบล็อกตัวเอง แค่นี้เขาก็ได้โฆษณาฟรี แถมลิงค์ไม่อั้น เพิ่มสถิติคนคลิกเข้าเว็บได้อีกเพียบ

เดือนแรก Mint.com มีผู้ลงชื่อเข้าใช้สูงสูด 50,000 คน ทวีคูณเป็น 100,000 คน ในปีแรกที่ดำเนินการ และพุ่งสู่ 400,000 ในปีถัดมา
รายได้ของ Mint.com ไม่ได้มาจากผู้ใช้ เนื่องจากเป็นโปรแกรมฟรี แต่เขาจะได้เงินจากโฆษณา ซึ่งมีหลากหลายตั้งแต่ ธนาคาร บัตรเครดิต กองทุนรวม ความสำเร็จของเขามาจากนิสัยการชอบพัฒนา อย่างไม่หยุดนิ่ง ” มีหลายคนที่มองเห็นปัญหา แต่จะมีสักกี่คนที่คิดหาทางแก้ปัญหา”

Mint.com เป็นผลพวงที่ยิ่งใหญ่ของการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะทำมันให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร”