นานมาแล้ว โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบๆเปล่าๆ
ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากน้ำแข็งก้อนใหญ่กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์
ที่มีปลายเปิดสามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว
น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก
ร่วมทุกข์ร่วมสุขจนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ความงดงามของน้ำแข็ง ทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล
แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด
ความเย็นชาจากน้ำแข็งก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป
วันหนึ่งนาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก
นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจหนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
เวลาผ่านไป ปีแล้วปีเล่านาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน
ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน
น้ำแข็งรู้ดีว่าถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล
แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่
น้ำแข็งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆแทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย
ดวงจันทร์โคจรผ่านมา
น้ำแข็งจึงถามว่าอีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง
ดวงจันทร์บอกว่า …
นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทันเพราะโลกกำลังจะแยก
จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก
ทันทีที่รู้ น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย …
สายเกินไป ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว
เมื่อน้ำแข็งมาถึงก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้ายจากปากของนาฬิกาทราย “ฉันรักเธอ”
ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที
น้ำแข็งจึงเริ่มละลายในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน
กลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์
อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้
ละทิ้งทิฐิ แล้วความสุขจะเป็นของทุกๆ คน โดยไม่ต้องมีคำว่า “สายเกินไป” นะ