• June 3, 2017

    HTML คืออะไร
    → HTML มาจากคำว่า Hyper Text Markup Language  คือภาษา markup(ภาษาคอมพิวเตอร์ที่แสดงทั้งข้อมูล และโครงสร้างหรือการแสดงผลข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน) ออกแบบมาเพื่อใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์
    → ภาษา markup เป็นภาษาที่รวมคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดรูปแบบของ   Text หรือที่เรียกกันว่า            “Tag” นั่นเอง
    → HTML จะใช้ Tag เหล่านี้ในการสร้างเว็บเพจ

    HTML Tag
    HTML markup tags โดยปกติแล้วจะเรียกว่า HTML Tag
    → HTML Tag เป็น  keywords หรือคำสั่งที่อยู่ในวงเล็บ เช่น  <html>
    →  HTML Tag โดยปกติแล้วจะใช้เป็นคู่ เช่น <b> and </b>
    →  web browser จะอ่านข้อความ HTML และแสดงออกมาทางเว็บเพจ

    XML
    XML คืออะไร
    → XML มาจากคำว่า eXtensible Markup Language ออกแบบมาเพื่อการส่งถ่ายและเก็บข้อมูล ไม่ใช่แสดงข้อมูล
    → XML เป็นทั้ง software and hardware ที่ใช้ในการส่งถ่ายข้อมูล
    → XML มีความสำคัญในการสร้างเว็บพอๆกันกับ HTML หรือกล่าวได้ว่าเป็นมาตรฐานของการสร้างเว็บเลยก็ได้
    ประโยชน์ของ XML
    → เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    → เป็นประโยชน์สำหรับการ share ข้อมูลที่มี applications ที่แตกต่างกันได้
    → XML ทำให้เกิดภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บใหม่ๆ เช่น XHTML RSS

    XHTML
    XHTML คืออะไร
    → XHTML มาจากคำว่า EXtensible HyperText Markup Language มีความคล้ายกันกับ HTML 4.01 มีความเข้มงวดในเรื่องของโครงสร้างภาษามากขึ้น
    →  XHTML เป็น HTML ที่กำหนดโดย XML application

    HTML5
    HTML5 คืออะไร
    →  HTML5 เป็นมาตรฐานใหม่ของ HTML XHTML
    → HTML5 ออกแบบมาเพื่อลดการใช้ Flash
    → HTML5 เข้ามาแทนที่ภาษา script
    →  HTML5 ช่วยให้อุปกรณ์มีความเป็นอิสระต่อกัน
    → รูปแบบการพัฒนาเป็นแบบ open source
    สิ่งที่น่าสนใจใน  HTML5
    → สนับสนุนการวาดภาพ การเปิดดู video และ audio เช่น ไฟล์ ogg
    → ใช้ในการควบคุม ตารางนัดหมาย วัน เวลา  email url และการ search

    HTML5  มีความพิเศษกว่า HTML และ XHTML อย่างไร
    HTML5  เป็นภาษามาร์กอัป (ภาษาคอมพิวเตอร์ที่แสดงทั้งข้อมูล และโครงสร้างหรือการแสดงผลข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน) ที่ถูกพัฒนาล่าสุดของ HTML  ซึ่งใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นๆที่เรียกใช้ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์
    HTML5 มีความพิเศษกว่า HTML คือ
    1   การเขียน Doctype เขียนได้ง่ายขึ้น (Doctype คือตัวที่บ่งบอกว่าไฟล์ที่เขียนเขียนด้วยเวอร์ชั่นอะไร)  คือไม่ต้องเขียนกำหนดเวอร์ชั่น ซึ่งจะสามารถนำไปใช้กับเวอร์ชั่นใดๆก็ได้ในอนาคต
    2   การกำหนดภาษาทำได้ง่ายขึ้น เมื่อก่อนจะต้องเขียน xmln หรือ xml:lang ในแท็ก <html> เพื่อกำหนดภาษาของหน้า แต่สำหรับ HTML5 จะเหลือแค่ :
<html lang=”en”>
    3   การกำหนดตัวอักษรก็ทำได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เมื่อก่อนจะต้องเขียนแท็ก meta ยาว ๆ เพื่อกำหนด Character Set เป็น UTF-8 แต่ตอนนี้เราสามารถกำหนดโดยเขียนแค่นี้:
<meta charset=”utf-8″ />
    4 ไม่ต้องมี “/” สำหรับแท็กเดี่ยวแล้ว
แท็กเดี่ยว หมายถึงแท็กที่ไม่มีแท็กปิด เช่น <img> <input> <br> ซึ่งจะต่างกับแท็กที่เป็นแท็กเปิดปิดอย่าง <div></div> <strong></strong>
โดยถ้าเป็นเมื่อก่อน แท็กเดี่ยวจะบังคับให้มี “/” ปิดท้าย เช่น <img /> หรือ <br /> แต่ใน HTML5 นี้แท็กเดี่ยวไม่จำเป็นต้องมี “/” ปิดท้ายแล้ว
    และ HTML5 มีความพิเศษกว่า XHTML คือ HTML5 จะมีโครงสร้างที่ง่ายกว่า XHTML
    สรุปก็คือ HTML5 จะนำเอาลักษณะพิเศษของ XHTML และ HTML มารวมกัน เพื่อให้การสร้างเว็ปทำได้ง่ายและสะดวกขึ้นนั่นเอง

    OGG
    เป็นรูปแบบของการบีบอัดไฟล์ที่เป็น multimedia เช่น เสียง วีดีโอ ให้มีขนาดเล็กลงแต่คุณภาพเท่าเดิมเมื่อเทียบกับ mp3 และ mp4  ออกแบบมาเพื่อ ลดการใช้งานของ Flash และนอกจากนี้ยังเป็น open source อีกด้วย ogg มี  MIME type ( ตัวบ่งชี้ว่าชนิดข้อมูลนั้นๆคืออะไร ) เป็น application/ogg

    XSL
    คือ Style Sheets (การกำหนดรูปแบบการแสดงผลของหน้าเว็บเพจ) สำหรับจัดรูปแบบเอกสาร ใช้วิธีการสร้างแม่แบบ ซึ่งบางวิธีจะคล้ายกับของ CSS ซึ่งแม่แบบของ XSL ที่สร้างขึ้นนั้น จะนำไปใช้ในการจัดเตรียมกลไกการจัดรูปแบบสารสนเทศ ให้กับข้อมูลเอกสารที่ต้องการจัดสไตล์

    CSS ย่อมาจากคำว่า Cascading Style Sheets  แนะนำและสนับสนุนโดย Microsoft internet explorer 3.0 และ Netscape 4.0 เป็นต้นมา เป็นวิธีการกำหนดการแสดงผลของสิ่งต่างบนเว็บ เช่น ลักษณะอักษร ขนาด สี พื้นหนัง ถ้าใครเคยศึกษาภาษา Html มา มันก็คือ tag <font> นั่นเอง แต่เราสามารถใช้ CSS แทน

   CSS มีประโยชน์ ดังนี้
    •   CSS มีคุณสมบัติมากกว่า tag ของ html 
เช่นการกำหนดกรอบให้ข้อความ รวมทั้งสี 
รูปแบบของข้อความที่กล่าวมาแล้ว
    •   CSS นั้นกำหนดที่ต้นของไฟล์ html 
หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็ได้ และสามารถมีผล 
กับเอกสารทั้งหมด หมายถึงกำหนด 
ครั้งเดียวจุดเดียวก็มีผลกับการแสดงผลทั้งหมด 
ทำให้เวลาแก้ไขหรือปรับปรุงทำได้สะดวก 
ไม่ต้องไล่ตามแก้ tag ต่างๆ ทั่วทั้งเอกสาร
    •   CSS สามารถกำหนดแยกไว้ต่างหากจาก 
ไฟล์เอกสาร html และสามารถนำมาใช้ร่วม 
กับเอกสารหลายไฟล์ได้ การแก้ไขก็แก้เพียง 
จุดเดียวก็มีผลกับเอกสารทั้งหมด



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories