วันนี้มาดึกหน่อย..หลังจากที่เห็นกระทู้แนะนำมือใหม่และมือเก่า ในการสั่งสินค้าเข้ามาขายในไทย รวมถึงแหล่งขายสินค้าเช่น ลาซาด้า หรือ shopee ก็เลยอยากจะบอกว่ายังสามารถเริ่มต้นหาเงินออนไลน์ ด้วยการส่งออกสินค้าไปขายยังต่างประเทศ ที่จะพูดถึงนี้ไม่ใช่การขายผ่านEbay แต่เป็นการส่งออกสินค้าเป็นตู้คอนเทนเนอร์
ย้อนกลับไป10ปีก่อน สนใจอยากขายสินค้าออนไลน์เพื่อเป็นรายได้เสริม จนเข้าใจระบบขายสินค้าออนไลน์ การใช้ Keyword การฝากรูป ,HTML แบบที่มือใหม่ควรทราบ
**ส่วนตัวไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ หัด FTP ไฟล์แรกๆจำได้ว่าตื่นเต้นมาก หัดใช้งานBlog,หัดทำ wordpress หัดทำSEO
จนมาวันหนึ่งคิดได้ว่าคงดีกว่านี้ถ้าเราสามารถขายสินค้าได้ล็อตใหญ่ๆ ไม่ต้องเหนื่อยแพ็คไปรษณีย์ เลยมาหาสินค้าใหม่โดยใช้หลักกการที่ว่าผลิตในบ้านเราราคาถูกแต่ราคาในต่างประเทศแพง
จนคิดได้ว่าสินค้าที่เกี่ยวกับการเกษตรน่าจะดีเพราะ ดินบ้านเรารวมถึงผลผลิตส่วนใหญ่ออกมาดี เทียบจากมะม่วงที่ปลูกในไทยมันหอมหวาน หรือมะพร้าวน้ำหอมของไทยอร่อยไม่มีใครเทียบ
จึงเริ่มทำเว็บไซด์แบบ กากๆ -ใช้wordpressค่ะ
และทำSEO แบบบ้านๆ เจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ -ทำon page,off page,backlink จาก youtube,,backlink จาก facebook, backlink จาก note facebook
**ขอโชว์ยอดส่วนหนึ่งของ1เดือนล่าสุดที่ได้ส่งออกไป(ปีที่แล้วขายได้600กว่าตัน) มีส่งไปเซียงไฮ้ 52 ตัน ไปเกาหลี99.60ตัน และกำลังเตรียมจะส่งไปportเทียนจินอีก วันที่16/02 จำนวน52ตัน
เดาไม่ยากว่ากำลังขายสินค้าอะไรแต่ไม่อยากพิมพ์ลงตรงๆในกระทู้..ไม่ว่ากันนะคะ กว่าจะมาถึงวันนี้บอกตรงๆว่าผ่านช่วงเวลาโหดๆมาเยอะ ขอเล่าคร่าวๆนะคะ ก่อนที่จะทำตรงนี้เต็มตัว ได้ทำงานที่บริษัทwebhosting แห่งหนึ่ง(ไม่อยากบอกตรงๆเดี๋ยวหาว่าอวย) ที่นี่เจ้าของบริษัทเก่งมาก สอนทุกอย่างด้วยความที่เราอยากรู้ด้วย ถามอะไรไม่เคยหงุดหงิดและคอยแนะนำ
ได้อะไรจากที่นี่เยอะมาก จากที่ไม่เข้าใจเรื่องเว็บไซด์จนพอมีความรู้ระดับหนึ่ง ที่นี่ตอบปัญหาลูกค้าเร็วและแก้ปัญหาให้ อะไรที่ทำได้ก็จะแนะนำลูกค้า สภาพการทำงานดีเพื่อนที่ทำงานก็ดี ที่นี่ไม่ค่อยมีปัญหาการใช้งานส่วนหนึ่งคิดว่าเพราะเจ้าของดูแลเอง
มอนิเตอร์server เอง แต่ด้วยความฝันที่ต้องการมีความมั่นคงในชีวิต จึงตัดสินใจลาออก แต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้ใหม่นั้นคือเอกสารเกี่ยวกับshipping และการส่งสินค้าขายไปยังต่างประเทศ การหาสายเรือ เรียกได้ว่าหินอีกรอบ
ปัจจุบันเราทำงานกัน 3 คน โดยแบ่งงานกันคือ
1.ส่วนทำตลาดออนไลน์,ตอบเมลลูกค้า
2.ติดต่อเจรจากับลูกค้าซึ่งพี่เราพูดได้3ภาษา
3.ดูแลเรื่องเอกสารส่งออกประสานงานชิ้ปปิ้ง,จัดซื้อเรื่องต่างเช่นรถบรรทุก,ขนส่ง,กระสอบ,กล่อง
(บัญชีจ้างเอา,ชิ้ปปิ้งจ้างเอา,)
สินค้าที่เราขายมีพันธมิตรที่ผลิตสินค้าให้แต่ไม่เก่งเรื่องตลาด ต้องการผลิตสินค้าอย่างเดียว เราคิดถึงสตีฟ จ๊อบที่ไม่มีโรงงานผลิตสินค้าแต่จ้างผลิตแทน หลักการคล้ายๆกัน ไม่ต้องเสียค่าคนงาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุง ฯลฯ ว่าไหม?
แต่เราก็มีปัญหานะ
ก่อนหน้านั้นโดนหักหลังจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อน :'( ด้วยผลประโยชน์มันมากขึ้นเขาขายสินค้าโดยที่ไม่บอกเราเพราะเขาดูเรื่องบัญชีเราไม่เคยเห็นเลยไม่รู้ว่ามีการขายเกิดขึ้น และทุกอย่างมารู้ทีหลังจึงตัดสินใจแยกตัวออกมา แต่เรามีลูกค้าในมือจึงทำการเริ่มต้นใหม่ได้ไม่ยากแต่ด้วยตลาดสินค้าตัวนี้มีความต้องการสูง
เรียกได้ว่าคนซื้อมากกว่าคนผลิต เราเลยไม่มีปัญหาแต่ก็เจ็บใจนิดๆ ไม่เป็นไรเริ่มใหม่เราเชื่อว่าใครทำอะไรได้อย่างนั้น
สำหรับใครที่ต้องการส่งออกสินค้า แนะนำให้เช็คข้อมูลตลาดก่อนว่ามีลูกค้าต้องการเยอะแค่ไหน เคยคิดเรื่องส่งออกข้าวและน้ำตาลแต่ต้องล้มเลิกไปเพราะมีเจ้าใหญ่ที่เขาคุมตลาดอยู่
1.สินค้าชนิดเดียวกัน มีประเทศไหนบ้างที่ผลิตสินค้าตัวนี้ เทียบกันแล้วราคาแข่งขันได้ไหม ถ้าเราแพงกว่าต้องคิดต่อไปจะทำอย่างไรให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินซื้อสินค้าเรา เช่นอาจจะบอกว่าสินค้าเราคุณภาพดีกว่า ใช้ได้นานกว่า
2.เป็นสินค้าที่ผลิตในบ้านเราราคาถูก ต่างประเทศราคาแพงหรือไม่สามารถผลิตได้อย่างบ้านเรา คู่แข่งสำคัญที่ต้องดูประเทศจีน
3.ถ้าสินค้าของเรามีคู่แข่งแต่เราประเมินแล้วว่าสินค้าเราดีจริงๆ(ไม่เข้าข้างตัวเองนะคะ) และมีกลุ่มลูกค้าต้องการสินค้าตัวนี้ แนะนำว่าให้ลองทำการโปรโมทดูเพราะสินค้าจากประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ ยังพอมีโอกาสเพราะคำว่าMade in Thailand
4.หาบริษัทชิ้ปปิ้งคู่ใจ เพราะเราต้องทำการเช็คราคาทั้งหมดเพื่อทำการเสนอขายในTerm FOB/CNF ส่วนใหญ่ลูกค้าใจร้อนถามแล้วต้องตอบได้ทันที แต่ปัญหาที่พบคือกว่าจะได้ค่าเรือนานมาก
5.เช็คอัตราแลกเปลี่ยนอยู่เสมอและติดตามข่าวเศรษฐกิจเพราะเราทำการค้ากับต่างประเทศ ต้องเผื่ออัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ส่วนใหญ่เราจะคิดเรทต่ำกว่าแบงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง
6.หากเราหาตลาดได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าเองทุกตัวเพราะเราสามารถหาผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในตัวผลิตภัณฑ์และสามารถทำราคาTerm FOB/CNFโดยที่เราไม่ต้องปวดหัว แต่หายากนิดนึงเพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็อยากขายสินค้าDirectลูกค้า
7.การทำการตลาดออนไลน์สามารถหาข้อมูลได้ในThaiSEO ลงมือทำแล้วเราจะเข้าใจ บางวิธีเราทำไม่สำเร็จแต่อาจจะมีวิธีอื่นที่เหมาะกับเรา จะรู้ก็ต่อเมื่อลงมือทำ ส่วนตัวลองมาหมดแล้วทั้งขายAmazon Ebay ioffer adsense/adword blogger ลองโมทีมwordpress จนพังก็ลองมาแล้ว ซึ่ง งงกับภาษาPHPมากแต่จะรู้เฉพาะที่ต้องใช้
8.เข้าใจธรรมชาติของสินค้าที่เราขายอย่างกระจ่างเพื่อที่เราจะสามารถแนะนำและโน้มน้าวลูกค้าให้ซื้อสินค้าเช่น ทำไมต้องซื้อสินค้ากับเรา ต้องตีโจทย์ให้แตก
**นึกไม่ออกมีอะไรอีก คิดว่าเท่านี้ก็น่าจะช่วยเพื่อนๆให้เป็นแนวทางในการหาเงินออนไลน์อีกวิธีหนึ่ง โดยใช้ความรู้เรื่องตลาดออนไลน์และความรู้เรื่องwebsite มาปรับใช้
ทำให้นึกถึงคำพูดที่ว่า ..เงินมีอยู่ทุกที่อยู่เราจะหยิบจับอะไรมาเป็นเงิน..หาไอเดียใหม่ๆ โดยการคิดว่าทำไม?ๆๆ เช่นทำไมสินค้าตัวนี้บ้านเราราคาถูกจัง ทำไมบ้านเขาราคาขายแพงจัง
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรเตือนสติไว้เสมอว่าโลกของธุรกิจ ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครต้องระวังให้มากที่สุด
ขอให้ประสบความสำเร็จค่ะทุกคน..
+http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,405124.0.html
1.ก่อนอื่นต้องหาสินค้าก่อนค่ะเพราะshippingแต่ละที่จะมีความเชี่ยวชาญสินค้าต่างกัน ลองถามหลายๆที่เกี่ยวกับสินค้าที่เรากำลังจะขายว่ามีserviceไหม อย่างมีเพื่อนที่รู้จักทำfreight forwarder แต่เขาถนัดเรื่องส่งผลไม้
2.เรื่องสัตว์เลี้ยง ไม่ทราบจริงๆไม่เคยได้ยิน เท่าที่ทราบน่าจะเป็นปลากัด(ปลากัดขายดีนะคะ มีคนทำอยู่) ถ้าแนว หมู่ ไก่ วัว ส่วนใหญ่น่าจะเป็นชำแหละเนื้อมากกว่า
3.หนังสือที่อ่านเน้นเรื่องการส่งออกระหว่างประเทศ ทำความเข้าใจเรื่องราคา Ex-Factory,FOB, CNF , หนังสือเกี่ยวกับตลาดออนไลน์แต่เท่าที่อื่นมาในThaiseo มีให้มากกว่าค่ะ,
**ถ้าไม่อยากซื้อแนะนำตัวโตๆให้สิงสถิตอยู่ที่TK park เพราะหนังสือเยอะมากและใหม่ แถมยืมได้2อาทิตย์ คุ้มมากค่ะ
**อบรม แนะนำติดตามกรมส่งเสริมการส่งออกค่ะ มีอบรมดีๆออกมาตลอด
ตัวอย่างนะคะ ข้าวกิโลละ25บาท เราคิดกำไร5บาทขายกิโลละ30 1ตู้40HQ’ใส่ได้ 26 ตัน 26000กก. กำไรกิโลละ5บาท ลองคูณตัวเลขดูนะคะ
เริ่มจากตรงไหนครับ?
หาสินค้า ถ้าไม่ได้ผลิตเองก็ต้องพยายามหาโรงงานให้เจอ + หาลูกค้า คูจากGoogle อันนี้น่าจะคุ้นเคย 1 เดือนการค้นหาเยอะแค่ไหน +ทำตลาดออนไลน์
ใช่ค่ะ แต่จีนผลิตถ่านเองไม่ได้นะคะเพราะรัฐบาลเขาห้ามและไม่มีวัตถุดิบ จึงมีการซื้อนำเข้าไปผลิตที่ประเทศจีน กลุ่มที่ขายจะมีฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย แต่ตอนนี้ก็มีกลุ่มคนจีนเข้าตั้งโรงงานเพื่อเผาถ่านเองแต่เขาก็ติดปัญหาเพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นเจ้าถิ่นคนไทยคุมอยู่ และถ่านถูกจัำกัดการเผาในแต่ละพื้นที่ค่อยทำลำบากไม่เหมือน การปลูกทุเรียน ปลูกผลไม้ฝั่งจันทบุรี
—
1. ส่งออกในนามนิติบุคคลหรือไม่ครับ
**ส่งในนามนิติบุคคลค่ะ เพราะshipperผู้ส่งออกจะเป็นชื่อบริษัท เราจดเป็น หจก.ค่ะ
2. ภาษีเขาคิดยังไงครับ
**สินค้าที่ทำอยู่จัดอยู่ในสินค้าเกษตรไม่เสียภาษีส่งออกค่ะ ประเทศไทยมีการทำFTA กับหลายประเทศเราใช้ตรงนี้เป็นประโยชน์กับการส่งออกได้
เช่นลูกค้าจีนที่ซื้อสินค้าของเรา สามารถนำเอกสารFormEไปลกหย่อนภาษีที่จีนได้17% ทำให้คนจีนมาซื้อสินค้าตัวนี้ที่ไทยมากกว่าเลือกซื้อที่ประเทศอื่นเพราะไม่มีสิทธิFTA
ส่วนภาษีในการทำธุรกิจ อันนี้จ้างบัญชีนอกจัดการเรืองเอกสารทั้งหมดค่ะ ข้อดีได้มืออาชีพคอยให้คำแนะนำ
3. อันนี้คือส่งทางเรืออย่างเดียวใช่ไหมครับ
**ใช่ค่ะ ส่งสินค้าทางเรืออย่างเดียว เพราะส่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์ เคยมีอยู๋ครั้งเดียวที่ส่งไปลาว ลูกค้าให้ส่งไปที่หนองคายจากนั้นเขาจัดการเอาข้ามฝั่งลาวไปเอง ตอนนั้นส่งไป8ตันค่ะ
4. ต้องทำเรื่องขอกับทางหน่วยงานใดก่อนไหมครับ เหมือนคุ้นๆว่า สินค้าบางประเภท อาจจะต้องขอก่อน ถึงจะส่งออกไปได้
ใช่ค่ะ ถ้าเรามีสินค้าแล้วสามารถติดต่อกระทรวงพานิชย์ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่คอยแนะนำดีมากจากประสบการณ์เองเลยนะคะ ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
อย่างเช่นไปติดต่อเพื่อทำต้นทุนสินค้าเพื่อการันตรีว่าสินค้านี้ผลิตในประเทศไทย เจ้าหน้าที่เช็คให้หมดว่าพิกัดศุลกากรอะไรและขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไรบ้างแต่เราต้องหาข้อมูลไปด้วย
เพื่อที่จะได้อธิบายได้ตรงจุด
5. ใช้วิธีการหาลูกค้าทางไหนบ้างครับ หรือว่าบนเว็บไซต์อย่างเดียว?
-ทำเว็บไซด์ใช้wordpress เลือกKeyword เพื่อทำตลาดออนไลน์
-ทำbacklink จากyoutube/facebook
-ทำSEO ใช้วิธีเดียวกับตอนที่เคยขายของใน amazon ,ทำblog โปรโมท, พื้นๆ มากเลยค่ะ
—
ปัญหานี้เป็นเรื่องที่เจอบ่อยมากช่วยแรกๆที่ทำค่ะ เราใช้วิธีนัดคุยที่ออฟฟิศโดยจะจัดพื้นที่แสดงตัวอย่างสินค้าและให้เหตุผลว่าถ้าเป็นลูกค้าที่มัดจำสั่งซื้อสินค้าเราถึงจะให้เข้าโรงงาน
การเข้าโรงงานเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ดังนั้นต้องหาโรงงานที่เน้นผลิต ไม่ถนัดเรื่องส่งออก ส่วนตัวจะเข้าไปคุยกับโรงงานไปบ่อยๆเพื่อละลายพฤติกรรมและให้เกียรติโรงงานให้เขารู้สึกไว้ใจ
จริงๆมันเป็นเรื่องที่ยากนะคะที่จะหา ดังนั้นไม่จำเป็นจะไม่ให้เข้าโรงงานคุยให้จบที่ออฟฟิศ นอกจากเคสจำเป็นจริงๆแล้วดูแล้วมีโอกาสซื้อสินค้า คนที่มาหว่านแหก็มีเยอะค่ะ ต่างชาตินี่แหละ
อีกข้อหนึ่งลูกค้าเขาก็ทราบนะคะว่าเราไม่ได้ลงทันโรงงานเต็มตัวแต่เขาก็ยังติดต่อกับเรา เพราะสะดวกในการพูดคุย นึกภาพเวลาเราซื้อของกับใครแล้วสบายใจ แถมแนะนำได้ทุกเรื่อง บริการดีเราก็อยากจะซื้อกับคนนั้น
ตอนนั้นไปโรงงานใหญ่ที่จีนคือลูกค้าจีนซื้อจากเราเพื่อไปส่งโรงงานอีกที โรงงานเขาก็สามารถซื้อสินค้าโดยตรงจากเราได้นะคะแต่เขาไม่ทำ ให้เหตุผลว่า ลดขั้นยุ่งยากตอนให้คนกลางจัดการให้ทั้งหมดดีกว่า
และเราก็ไม่ข้ามส่งโรงงานโดยตรงเพราะคนกลางชาวจีนจะมีความชำราญในการติดต่อเรื่องเอกสารในประเทศเขามากกว่า..ประมาณนี้้ค่ะ
—
โอกาสลูกค้า Direct โรงงานมีค่ะ เราจะscan ลูกค้าก่อน คือ
1ส่งราคาและสเปกสินค้าให้ดูก่อน ถ้าราคาไม่โอเค ก็ไม่คุยต่อบอกเราทำราคานี้ไม่ได้
2.ถ้าราคาโอเค ส่งตัวอย่างให้ลูกค้าโดยลูกค้าเสียค่าส่งเอง ถ้าเรามีaccount DHL ใช้วิธีเก็บค่าส่งปลายทางได้ค่ะ
3.ลูกค้าที่ไม่ถามเรื่องสเปคสินค้าหรือราคาเลย จะเข้าโรงงานอย่างเดียว อันนี้เสี่ยง เราจะเลี่ยงเพราะมีพวกหว่านแหเยอะ เขาไม่ได้นัดเราที่เดี่ยว
4.ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริง ส่วนใหญ่จะบอกความต้องการมาได้เลย ถ้ามาแนว สินค้ามีอะไรบ้าง เช่น มะพร้าวน้ำ มะพร้าวกะทิ มะพร้าวกล่อง ยังตอบเราไม่ได้เลยว่าจะซื้ออะไร แต่ขอราคาหมด
5.เราไม่รับคนไทย ขายลูกค้าจากต่างชาติเท่านั้น เพราะโดนDirectแน่ๆ
ถ้าตามที่กล่าวมาลูกค้าตกลงรับเงื่อนไข เขาจะตัดสินใจเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินมาดูสินค้า แสดงว่ามีโอกาสที่จะซื้อ เราก็พร้อมจะเสี่ยง เป็นการสแกนได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าจะมาแค่ครั้งเดียวหลังจากนั้นไม่มาแล้วค่ะ โอนเงินมาอย่างเดียวแล้วเราก็ส่งสินค้าตามกำหนด ต้องทำให้ลูกค้าไว้ใจให้ได้ เราจะขายอย่างสบายเอง
—
ปกติลูกค้าจะบินมาดูค่ะ เราจำเป็นต้องสแกนก่อน
1ส่งราคาและสเปกสินค้าให้ดูก่อน ถ้าราคาไม่โอเค ก็ไม่คุยต่อบอกเราทำราคานี้ไม่ได้
2.ถ้าราคาโอเค ส่งตัวอย่างให้ลูกค้าโดยลูกค้าเสียค่าส่งเอง ถ้าเรามีaccount DHL ใช้วิธีเก็บค่าส่งปลายทางได้ค่ะ
3.ลูกค้าที่ไม่ถามเรื่องสเปคสินค้าหรือราคาเลย จะเข้าโรงงานอย่างเดียว อันนี้เสี่ยง เราจะเลี่ยงเพราะมีพวกหว่านแหเยอะ เขาไม่ได้นัดเราที่เดี่ยว
4.ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริง ส่วนใหญ่จะบอกความต้องการมาได้เลย ถ้ามาแนว สินค้ามีอะไรบ้าง เช่น มะพร้าวน้ำ มะพร้าวกะทิ มะพร้าวกล่อง ยังตอบเราไม่ได้เลยว่าจะซื้ออะไร แต่ขอราคาหมด
5.เราไม่รับคนไทย ขายลูกค้าจากต่างชาติเท่านั้น เพราะโดนDirectแน่ๆ
ถ้าตามที่กล่าวมาลูกค้าตกลงรับเงื่อนไข เขาจะตัดสินใจเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินมาดูสินค้า แสดงว่ามีโอกาสที่จะซื้อ เราก็พร้อมจะเสี่ยง เป็นการสแกนได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าจะมาแค่ครั้งเดียวหลังจากนั้นไม่มาแล้วค่ะ โอนเงินมาอย่างเดียวแล้วเราก็ส่งสินค้าตามกำหนด ต้องทำให้ลูกค้าไว้ใจให้ได้ เราจะขายอย่างสบายเอง
++แล้วมีลูกค้าที่ไม่บินมา แต่ติดต่อซื้อขาย ทาง ออนไลน์ อย่างเดียว บ้างไหมครับ ผมกำลังจะทำเหมือนกันเลยอยากจะปรึกษาก่อนครับ
ถามว่าเคยมีไหม สำหรับเรามีนะคะ พี่เราที่พูดได้3ภาษาจะใช้ wechat เจาะกลุ่มลูกค้าจีน โดยโพสชีวิตประจำวันปกติ และแอบแทรกงานส่งออกที่ทำอยู่ให้ลูกค้าว่าเราทำอะไรอยู่และมีการส่งสินค้าจริง
เมื่อเขาอยากซื้อสินค้าจะติดต่อกลับมา โดยเรามีลูกค้า2 คน จากจีน ซื้อสินค้าโดยที่ไม่เคยบินมาเมืองไทย คนแรกส่งไปแล้ว52ตัน กำลังจะสั่งมาอีก52 ตัน ส่วนคนที่2 กำลังจะโหลดวันที่16 นี้ 52ตันค่ะ
แต่ทั้ง2 คน เตรียมจะมาเยี่ยมเยือนหลังตรุษจีนนี้ค่ะ จะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันตัวเป็นๆ
—
ไม่ได้ใช้เงินลงทุนเยอะเท่าไหร่ค่ะ หมดไปกับค่าเว็บ ค่าโดเมน เสียไม่ถึงปีละ1000 บาท
ลักษณะคือ ลูกค้าจ่ามัดจำมาก่อน50% เราก็เอาไปจ่ายค่าสินค้า และก่อนโหลดสินค้าก็ลูกค้าจ่ายมาอีก50% เราก็เอาไปจ่ายค่าสินค้า … จากนั้นเตรียมจัดส่ง จบกระบวนการค่ะ
แต่ทางที่ดีควรสำรองเงินไว้เนื่องจาก อาจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น supplier ขอเบิกเงินก่อน
—
ตรงนี้เวลาหาข้อมูลว่าประเทศไหนห้ามผลิตอะไรหาจากไหนหรอครับแล้วลูกค้ามาจาก Search Engine 100% เลยหรอครับรบกวนด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
ลูกค้ามาจาก Search Engine 99% อีก1% จากโซเชียลมีเดีย ที่เราใช้คือWechat แต่เราจะสมัครหมดเพื่อเพิ่มช่องทางติดต่อสื่อสาร
What app ส่วนใหญ่เจอลูกค้ายุโรปและตะวันออกกลาง Spype เกาหลี ,ยุโรป line บางประเทศก็ติดต่อทาง line ค่ะ ลูกค้าไม่ได้ใช้ทุกอันแต่ต้องมีสักอันเพื่ออำนวยความสะดวกadd ได้ทันที
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมาจบที่สินค้าตัวนี้ เราใช้แนวคิดในการหาสินค้าคือ บ้านเราถูกบ้านเขาแพง(ได้ไอเดียตอนขายอีเบย์ค่ะ) สินค้าประเภทที่ใช้แล้วหมดไป จากนั้นมาดูเรื่องราคา เทียบราคากับคู่แข่งที่มีสินค้าคล้ายกัน หาsupplierต้องหาโรงงานให้ได้จริงๆซึ่งหายากเหมือนกันส่วนใหญ่จะเจอคนกลาง
อย่างเช่น หมาก(ความต้องการเยอะนะคะ) หาสวนจริงๆแทบจะไม่เจอ เจอแต่พ่อค้าคนกลาง
ถ้าราคาเขาถูกกว่าแต่ราคาบ้านเราสูงกว่านิดหน่อย เราจะทำยังไง ในการวางตำแหน่งสินค้า ยกตัวอย่าง เราบอกลูกค้าเสมอ ว่าสินค้าเราสะอาด ร่อนเอาฝุ่นออกหมด เราควบคุมความชื้นสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ สั่งสินค้าแล้วได้จริง
ที่เล่นเรื่องนี้เพราะทุกครั้งที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา พี่เรามักจะถามว่าเคยซื้อที่ไหนมาไหม(เพื่อให้ทราบกลุ่มคู่แข่ง) ลูกค้าบางรายถ้าเราคุยให้เขาไว้วางใจ สามารถหาข้อมูลในส่วนได้เรียกว่าจากวงในเลย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่พี่เราใช้บ่อย
จนได้ข้อมูลเชิงลึกมาว่า สินค้าชนิดนี้ผลิตที่จีนไม่ได้ มีการไปซื้อที่ฟิลิปปินส์ อินโด ถึงแม้จะถูกกว่า แต่สินค้ามีน้อยลง เนื่องจากมีการส่งมะพร้าวมาประเทศไทย ทำให้เขาไม่มีวัตถูดิบในการผลิต ซึ่งก็ตรงกับข่าวที่เราอ่านเจอ (ควรติดตามขาวสารเพราะเป็นประโยชน์อย่างมาก)
ทางใต้มีปัญหา โรคระบาด/ศัตรูพืชทำให้ต้นมะพร้าวตายจำนวนมาก รัฐเลยให้โควต้าในการนำเข้า ทางนั้นเลยเริ่มขาดแคลนวัตถุดิบ
และอีกครั้งที่ได้คุยกับทางเจ้าของโรงงานที่จีนเขาเล่าให้ฟังว่าที่ไหหลำก็มีมะพร้าว เตาจะขึ้นตามภูเขา ไม่ขึ้นริมทะเลอย่างบ้านเรา เขาก็สงสัยในส่วนนี้ และที่เขาสนใจธุรกิจนี้เพราะยังอยู่ได้อีก20ปี หรือจนกว่าจะมีอะไรมาแทนคาร์บอนได้ และคาร์บอนจากมะพร้าวคือคาร์บอนที่ดีที่สุด
**Source ต่างๆเหล่านี้ ได้จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเป็นส่วนมาก และการอ่านข่าว เราใช้วิธีค้นหาในGoogle
**ตรงนี้เวลาหาข้อมูลว่าประเทศไหนห้ามผลิตอะไรหาจากไหนหรอครับ / เช็คก่อนว่าเราจะขายอะไร-แล้วมานั่งตีโจทย์ต่อว่าทำไมเขาไม่ผลิตเอง ทำไมต้องนำเข้า พบตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบค่ะ
** ตอนทำamazon แนะนำให้เราหาตลาด ถ้ามีคนซื้อเยอะเราจะมาโปรโมท ต่างจากแต่ก่อนต้องสร้างแบร์นขึ้นมาโดยที่ยังไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายมีแค่ไหน
สิ่งที่อยู่ในThaiseo สามารถนำมาปรับใช้ได้จริง แต่ละวิธีเหมาะกับสินค้าแตกต่างกันไป ถ้าเราลองไปเรื่อยๆก็จะค้นพบค่ะ
—
จัดการกับความเครียดยังไงครับ เวลาเจอปัญหา ขอบคุณครับ.
อย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ ตอนแรกๆเราก็คิดแบบนั้นกลายเป็นการดูถูกตัวเอง จริงๆแล้วทุกคนทำได้ เหมือนเราหัดว่ายน้ำว่ายบ่อยๆก็เก่งเอง
**จัดการกับความเครียดยังไงครับ เวลาเจอปัญหา ขอบคุณครับ.
พยายามหาทางออกถ้าไม่ได้ถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว มันได้เท่านี้จริงๆและจะทิ้งปัญหาไปไม่เก็บมาคิดให้บั่นทอนใจ แต่ก่อนที่ปัญหาจะเกิดเราจะมองก่อนแล้วว่าจะมีโอกาสที่จะมีปัญหาอะไรตามมาไหม
และต้องมีแผน1 ,2 ,3 สำรอง ป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดดีที่สุด
—
ขอบคุณมากนะคะ รู้สึกดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านแล้วได้ประโยชน์
**เมื่อหลายปีที่แล้ว เล่าให้ใครฟังมีแต่คนหัวเราะเยาะ ไม่เชื่อว่าทำได้ เราเคยขายของอีเบย ทำAFF ของหลายที่ เช่นAmazon ซึ่งต้องใช้การวิเคราะห์Keyword และอีกหลายๆอย่างให้ลิงค์โปรโมทเราขึ้นหน้าแรก
ทุกวันนี้ก็ยังมีคนไม่เข้าใจสิ่งที่เราทำ พูดจนพี่เราท้อใจ กระทู้นี้และอยากแชร์และเอาไปเป็นกำลังใจให้พี่เรา ว่าที่ทำอยู่ว่ามันไม่ได้เริ่มง่ายๆนะ มีแต่คนอยากทำและมีคนที่เขาเข้าใจสิ่งที่เราทำ ใครไม่เข้าใจช่างเขาเถอะ
—
เราตัดสินใจเริ่มต้นจาก หจก.ก่อนค่ะ และจะมีการเปลี่ยนเป็น บริษัทจำกัดเร็วๆนี้ค่ะ
—
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและส่งข้อความมานะคะ พอดีมีคำถามที่น่าจะเป้นประโยชน์จากสมาชิกท่าหนึ่งเลยขอนำมาลงตรงนี้ด้วย
**** เราอยากทราบว่า ถ้าเราอยากหาว่าสินค้าที่เราสนใจจะขายเป้นที่ต้องการของประเทศไหนบ้าง ศึกษาได้จากไหนบ้างคะ****
คิดว่าเลือกเป็นกลุ่มลูกค้าจะง่ายกว่านะคะ ** อันนี้นาทีทองเลยนะคะใครจะลองทำขายก็ได้ ได้ไอเดียมาจากรุ่นพี่
คิดว่าคนไทยน่าจะยังไม่มีทำขายจริงจัง
เช่น เลือกสินค้าเจาะกลุ่มที่รักโลก ลดโลกร้อน ยกตัวอย่าง beeswax wrap เอาไว้wrap อาหาร โดยลดการใช้พลาสติกwrap
เจ้าbeeswax wrapทำงานคล้ายกันกับพลาสติกwrap แต่ทำจากผ้าลายสวยงาม ต้มกับขี้ผึ้งบริสุทธิ์ ซึ่งในไทยขี้ผึ้งหายได้ง่ายมากแต่ต่างประเทศราคาแพงกว่า
ลองค้นข้อมูลดูนะคะbeeswax wrap เป็นไอเดีย ทุกประเทศทั่วโลกต้องมีกลุ่มที่ชื่นชอบสินค้าธรรมชาติ ลดโลกร้อน แบบนี้จะง่ายกว่า
การตั้งเป้าหาสินค้าที่เป็นที่ต้องการของประเทศนั้น
ข้อนี้ต้องยกความดีให้กับพี่เราในทีมเลยค่ะ ซึ่งเราก็ได้ความรู้มาจากพี่เหมือนกัน
พี่เราจบจากไต้หวันเล่าว่าที่นั้นจะมีวิชาสอนเรื่องวัฒนธรรมของแต่ละประเทศและลักษณะนิสัยของคนแต่ละประเทศ
(พี่เราเคยทำงานด้านการตลาด ดูภูมิภาคเอเชียกับบริษัทดิวตี้ฟรีชื่อดัง ) เท่าที่เราเคยถามและแอบสังเกตทุกครั้งที่มีการติดต่อกับลูกค้าจากต่างประเทศ
ก่อนที่จะเจอลูกค้าพี่เราจะดูว่ามาจากประเทศไหน เพื่อค้นหานิสัยของคนประเทศนี้ อาหารที่คนประเทศนี้ชื่นชอบ
เพื่อเป็นข้อมูลในการเจรจาเมื่อเจอหน้ากัน
ข้อมูลเหล่านี้หาได้จากทางinternet ค่ะ
เช่น
คนจีนชอบของถูกแต่มีคุณภาพ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เขาพึงพอใจเขาจะยินดีจ่ายเงิน และเป็นชาติเชื้อกันเองมาก เช่นคนที่1ซื้อเลยชอบก็จะแนะนำคนที่2 คนที่3-4-5ก็จะซื้อตามกัน เคยสังเกตไหมคะ ว่าทำไมเวลาเราเจอในสถานที่ท่องเที่ยวเขาจะซื้อของตามๆกัน นั้นแหละค่ะ ถ้าเราสามารถทำให้เขาชอบและพึงพอใจ โอกาสสำเร็จสูง
อย่างสินค้าของเรา จะเน้นทำออกมาให้ดีที่สุด ทั้งสินค้าและการบริการและก็ได้ผลดีเพราะเขามีการแนะนำเพื่อน โดยเพื่อนคนนั้นซื้อสินค้าโดยที่ไม่บินมาเมืองไทย ไม่เคยเห็นสินค้า และเราไม่เคยเจอหน้ากัน ความไว้ใจตรงนี้มีผลมากเลยค่ะ
คนรัสเซีย ชอบสินค้าที่มีคุณภาพ เขายินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นถ้าเราทำได้ เคยมีลูกค้ารัสเซียบอกให้เราทำสินค้าให้สะอาดกว่านี้โดยที่เพิ่มราคาให้อีก $30 ต่อตัน
ซึ่งเราก็โอเค ยินดีทำให้
คนเกาหลีใต้ ต่อแหลกลาน ต้องราคาถูกและดี เขาต้องได้รับความพิเศษมากที่สุด ต้องทำให้เขารู้สึกเหนือ การคุยธุรกิจกดดันสูง ไม่รู้เป็นไรชอบกดดันหนัก
ถ้าลูกค้าเจ้าอื่นได้สินค้าที่ความยาว10เซน แต่เกาหลีจะสั่งให้ทำ12เซนแต่ราคาเท่าเดิม คือมันต้องมีอะไรที่เหนือกว่าลูกค้าเก่าที่ซื้อกับเรา สงสัยทำให้เขารู้สึกได้สิ่งที่มากกว่าคนอื่นมั้งคะ
คนตุรกี ขอลดโหดมาก ต่อหนักแต่เราไม่ขายเพราะทำราคาไม่ได้ ถ้าอยากได้เมื่อไหร่ค่อมาคุยกัน
**ยกตัวอย่างประมาณนี้ค่ะ
—
ทำSEO ให้สินค้า3เดือน จากนั้นเริ่มมีลูกค้าติดต่อเข้ามา หลังจากนั้นเป็นช่วงเรียนรู้มาเรื่อยๆเพราะเรายังใหม่
ตอนนี้ทำมาทั้งหมด5 ปีค่ะ แต่ก็มีอะไรให้เราเรียนรู้ตลอด ส่วนใหญ่ต้องสังเกตและศึกษาจากปัญหาที่เกิดขึ้น
—
มีคำถามเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ
1. ถ้าตั้งบริษัท ช่วงเริ่มต้น ใช้ทุนจดทะเบียนสักเท่าไรดีครับ
2. เก็บเงิน50%ก่อนหลังจากลูกสั่งซื้อ แล้วเก็บอีก50%ก่อนที่เราจะส่งของให้ลูกค้าใช่ไหมครับ
3. จด vat ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเลยไหมครับ
4. ทำกันเองไม่กี่คน หรือ มีพนักงานด้วยครับ
5. นอกจาก seo ที่ใช้ในการหาลูกค้า มันมีวิธีอื่นๆอีกไหมครับ ที่จะหาลูกค้าจากจีน ที่ไม่ใช่โพสลง alibaba
6. เคยโดนลุกค้าโกงไหมครับ
7. สิ่งที่ยากที่สุดในธุรกิจนี้ ตามความคิดของออเจ้าคืออะไรครับ
ถึงคุณพี่หมื่นเจ้าค่ะ
1. ถ้าตั้งบริษัท ช่วงเริ่มต้น ใช้ทุนจดทะเบียนสักเท่าไรดีครับ
ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น500,000บาทค่ะ
2. เก็บเงิน50%ก่อนหลังจากลูกสั่งซื้อ แล้วเก็บอีก50%ก่อนที่เราจะส่งของให้ลูกค้าใช่ไหมครับ
ของเราเก็บเงินมัด50%ก่อน และอีก50%ก่อนโหลดสินค้า
โดยจะมีBooking confirm แจ้งลูกค้าว่าจะโหลดสินค้าวันไหน เบิกตู้คอนเทนเนอร์วันแรกวันไหนให้โอนอีก50%ส่วนที่เหลือมาก่อนโหลด
3. จด vat ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเลยไหมครับ
จด vatค่ะ ทำไว้แต่ไม่ได้ใช้เพราะสินค้าส่งออกเป็นเกษตรได้รับการยกเว้นภาษี และไม่มี vat ในการขาย ถ้าขายในประเทศต้องมี
แต่เราไม่ได้เน้นขายในประเทศ ในส่วนนี้ลองถามบัญชีผู้รู้ดูนะคะ
4. ทำกันเองไม่กี่คน หรือ มีพนักงานด้วยครับ
ทำกันเอง3คน ไม่มีพนักงานค่ะ คนที่1.รับผิดชอบทำตลาดออนไลน์ หาลูกค้า ตอบอีกเมล คนที่2.รับผิดชอบเรื่องจัดซื้อ เช่นหารถลากตู้ ติดต่อกับชิ้ปปิ้ง เอกสารทั่วไป
คนที่3.ติดต่อประสานงานกับลูกค้าจากต่างประเทศและเจรจาซื้อขาย ลูกค้าจะมาจากทุกช่องทางจะเจอด่านแรกคือพี่ของเราเองค่ะ
-บัญชีเจ้าเอา
-ชิ้ปปิ้งจ้างเอา
5. นอกจาก seo ที่ใช้ในการหาลูกค้า มันมีวิธีอื่นๆอีกไหมครับ ที่จะหาลูกค้าจากจีน ที่ไม่ใช่โพสลง alibaba
ใช้Youtube VDOสั้นๆ ที่มีKW ใส่รายละเอียดในDes.เดี๋ยวนี้จีนยุคใหม่ก็ใช้Youtube
ทำBacklink, comment blog Web2.0 แบบพื้นๆมากเลยค่ะ เน้นTextlink
ปรับ onpage ในเว็บ พวก H1 H2 H3 tag ใส่ KW ในรูป img เท่าที่ทำได้ คนอื่นอาจจะเทพกว่าอีก
ทำbolgWeb2.0 เนื้อหาเกี่ยวกับสินค้า บทความใหม่ไม่ซ้ำิงมาที่เวบหลัก
6. เคยโดนลุกค้าโกงไหมครับ
ไม่เคยโดนโกงเพราะระวังตัวตลอด ถ้าไม่จ่ายเงินเราไม่ขายสินค้า ตัวอย่างที่เคยเจอข้อเสนอจากลูกค้าขอจ่าย50% และจะจ่ายอีก50% เมื่อสินค้าไปถึงเขาแล้ว อันนี้เราไม่โอเคเพราะถ้าเกิดปัญหาของไปถึงแล้วเขาไม่จ่ายก็ได้
หรือจะสั่ง 1000 ตัน แต่ให้เราจ่ายค่าภาษีฝั่งนั้น$5000 ถึงจะเปิดออร์เดอร์ อันนี้เราก็ไม่โอเค จะซื้อต้องรับเงื่อนไขบริษัท เราใช้วิธีบอกลูกค้าว่าบัญชีเป็นบริษัทไม่ใช่บุคคลอันนี้ใช้ต่อรองได้ค่ะ
ล่าสุดลูกค้าก็พูดเหมือนกันว่า เท่ากับเขาจ่ายมา100% เขาไม่เสี่ยงเหรอ เราก็ต้องบอกว่าเราเคยส่งไปแล้วไม่มีปัญหาและลูกค้ารับข้อเสนอได้ และเอาเอกสารที่เคยส่งให้เขาเชื่อมั่นว่าเราส่งสินค้าจริง
วิธีนี้ดีอยู่อย่าง ถ้าเขาเชื่อมั่นแล้วงานก็มายาวๆเลยค่ะ แต่เราต้องซื่อสัตย์จริงๆ มีคนเสนอLC เราก็ไม่รับเพราะหักค่าธรรมเนียมแล้วแทบไม่เหลือกำไร แต่ถ้าใครกำไรเยอะจะใช้LCก็ได้ค่ะ
7. สิ่งที่ยากที่สุดในธุรกิจนี้ ตามความคิดของออเจ้าคืออะไรครับ
เป็นคำถามที่อ่านแล้วยิ้มจริงๆ 🙂
การสร้างความเชื่อมั่นและรักษาความเชื่อมั่นให้คงอยู่ต่อไป เพราะถ้าลูกค้าเชื่อมั่นการซื้อขายจะเป็นไปอย่างง่ายมาก
-มีปัจจัยที่คุมยากเช่น สินค้าเกิดเหตุไม่ตรงตามที่ต้องการเพราะSupplier ไม่คุมคุณภาพ ลูกค้าไม่โทษSupplierแต่เราคือคนรับหน้า
-คู่แข่ง การตัดราคา
-อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนมาก ปกติคิดต่ำกว่าแบงค์
และที่ยากที่สุดคือ การวิเคราะห์ลูกค้า เพราะเราต้องดูว่าประเมินว่าเขาจะซื้อจริงหรือไม่ บางทีลูกค้าแค่เอาตัวอย่างแล้วไปซื้อที่อื่นก็มี เราต้องคัดลูกค้าชั้นดีให้ได้ และรักษาเขาไว้ พร้อมกับหาลูกค้ารายใหม่
ถ้าได้ลูกค้าดีสัก3-4เจ้า เราก็อยู่ได้ยาวๆโดยไม่ต้องเหนื่อยทำตลาด ทำความรู้จักกันใหม่
—
ค่าสินค้าโอนแบบT/T คือโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทค่ะ
สำหรับค่าตัวอย่างสินค้าเราให้ฟรีแต่ให้ลูกค้ารับผิดชอบค่าส่ง ลูกค้ามักโอนทางWechat pay เสร็จแล้วก็ใช้บริษัทกับคนรับแลกเงินWechat payค่ะ สะดวกดี ใช้ alipayก็ใช้ได้ค่ะ
เวลาส่งตัวอย่างใช้EMSไปรษณีย์ไทย แต่ถ้าลูกค้ามีaccount DHL เก็บเงินปลายทางได้ค่ะ
—
อีกหนึ่งสินค้าที่น่าสนใจแต่ยังเจาะแหล่งไม่ได้คือ หมาก หมากที่คุณยายยังไปตำหมากกันนั้นแหละค่ะ คนที่ทำอยู่เก็บเป็นความลับมากอันนี้เจอจากการอ่านข่าวโดยบังเอิญ
—