• December 16, 2023

    Airtag ไม่อัพเดทตำแหน่ง 2 วัน จึงออกไปตามหา
    เมื่อเจอแล้วก็ยังไม่อัพเดทอีก
    ลองกด find my ก็ไม่พบอะไร
    สักพัก เครื่อง iphone11 ก็แสดงกราฟฟิก detect อุปกรณ์ Airtag ได้ (เหมือนกับตอนเราซื้อ Airtag มาใหม่ๆแล้วดึงที่กั้นขั้วแบตออกแล้ว มือถือเราก็ Detect เจอ)
    จึงได้ตั้งค่าใหม่

    ไม่รู้ว่าทันเกิดขึ้นได้อย่างไร อาจจะบังเอิญไปลบไอเทม ออกรึเปล่า เมนูตัวนี้อยู่หน้าเดียวกับเมนูอื่นๆซะด้วย แถมอยู่ท้ายสุด แล้วที่หนักกว่านั้นคือ UI ของ Iphone ก็ต้องใช้นิ้วปาดลากจากล่างขึ้นบน มีครั้งหนึ่งเกือบจะพลาดกดแต่เห็นพอดี

    กรณีอื่นๆที่เป็นไปได้ มีคนมารีเซ็ต Airtag แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะ มันไม่สามารถเอาไปใช้ได้หากเราไม่กดเอาออกก่อน หรือ ถ้ามันไม่รู้มันก็คงเอาไปแล้ว แต่ Airtag ยังอยู่ดี อยู่ในเคสที่ต้องขันน๊อตสี่ตัว หัวน็อตเป็นแบบร่องสี่เหลี่ยม ไม่ใช่สี่แฉกทั่วไป มันคงไม่เอามาแล้วถอดใส่กลับไปให้ และแมวก็ไม่คุ้นกับคนแปลกหน้าด้วย

    การ detect สัญญาณ

    เมื่อ AirTag อยู่ในระยะที่ใกล้เพียงพอที่จะสื่อสารกับอุปกรณ์ Apple หลายเครื่อง อุปกรณ์เหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ อุปกรณ์ของผู้ใช้จะรับสัญญาณเหล่านี้จากอุปกรณ์ Apple ต่างๆ และเลือกสัญญาณที่แรงที่สุด ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่อุปกรณ์ต่างๆ จะแย่งกัน detect ยึด AirTag เดียวกัน
    นอกจากนี้ AirTag ยังใช้อัลกอริทึมเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงการ detect ยึดซ้ำซ้อน อัลกอริทึมนี้จะตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Apple ใดๆ เคย detect AirTag นี้แล้วหรือไม่ หากเคย detect แล้ว อุปกรณ์นั้นจะไม่ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้อีก
    ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถมั่นใจได้ว่า AirTag ของตนจะตรวจจับได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนอุปกรณ์ Apple ที่อยู่ใกล้เคียง

    ระยะไกลสุดที่จะตั้งค่า detect airtag ตัวใหม่

    ระยะไกลสุดที่จะตั้งค่า detect airtag ตัวใหม่คือ ประมาณ 100 เมตร ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น พื้นที่โล่ง ปราศจากสิ่งกีดขวาง และอากาศโปร่งใส
    โดยปกติแล้ว AirTag จะใช้บลูทูธ Low Energy (BLE) เพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ iPad เมื่อผู้ใช้เปิดแอป Find My บนอุปกรณ์ของตน AirTag จะส่งสัญญาณ BLE ไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ อุปกรณ์ของผู้ใช้จะรับสัญญาณนี้และตรวจจับ AirTag ใหม่
    ระยะไกลสูงสุดที่ AirTag สามารถส่งสัญญาณ BLE ได้คือประมาณ 100 เมตร อย่างไรก็ตาม ระยะจริงอาจแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม เช่น สิ่งกีดขวาง สภาพอากาศ และแบตเตอรี่ของ AirTag
    หากผู้ใช้ต้องการตั้งค่า detect AirTag ตัวใหม่ในระยะไกลกว่า 100 เมตร ผู้ใช้สามารถใช้บริการ Find My Network ได้ Find My Network เป็นเครือข่ายแบบ peer-to-peer ที่อนุญาตให้อุปกรณ์ Apple สื่อสารกันเองได้ เมื่อ AirTag อยู่ในระยะที่ไกลเกินกว่าที่จะสื่อสารกับอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง AirTag จะสื่อสารกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงแทน อุปกรณ์ Apple เหล่านี้จะส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจจับ AirTag ใหม่ได้
    อย่างไรก็ตาม บริการ Find My Network อาจไม่ทำงานในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่ไม่มีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือหรือ Wi-Fi

    กรณีเราตั้งค่าใหม่สำหรับ airtag ที่ได้ถูก delete item แล้ว

    ในกรณีนี้ อุปกรณ์ Apple ต่างๆ จะไม่แย่งกัน detect ยึด AirTag เช่นกัน อุปกรณ์ Apple ต่างๆ จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ อุปกรณ์ของผู้ใช้จะรับสัญญาณเหล่านี้จากอุปกรณ์ Apple ต่างๆ และเลือกสัญญาณที่แรงที่สุด ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่อุปกรณ์ต่างๆ จะแย่งกัน detect ยึด AirTag เดียวกัน

    อย่างไรก็ตาม อัลกอริทึมเฉพาะที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการ detect ยึดซ้ำซ้อนจะแตกต่างกันเล็กน้อยในกรณีนี้ อัลกอริทึมนี้จะตรวจสอบว่าอุปกรณ์ Apple ใดๆ เคย detect AirTag นี้แล้วหรือไม่ หากเคย detect แล้ว อุปกรณ์นั้นจะไม่ส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้อีก แต่อุปกรณ์นั้นจะไม่ลบ AirTag ออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จัก หมายความว่าอุปกรณ์ Apple นั้นสามารถ detect AirTag อีกครั้งได้หาก AirTag ถูกตั้งค่าใหม่อีกครั้ง

    ดังนั้น ผู้ใช้จึงสามารถมั่นใจได้ว่า AirTag ของตนจะตรวจจับได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนอุปกรณ์ Apple ที่อยู่ใกล้เคียง เว้นแต่ว่า AirTag จะถูกตั้งค่าใหม่อีกครั้งโดยผู้ใช้คนเดียวกันภายในระยะเวลาสั้นๆ

    ระยะเวลาสั้นๆ นี้ประมาณ 24 ชั่วโมง หมายความว่าหาก AirTag ถูกตั้งค่าใหม่โดยผู้ใช้คนเดียวกันภายใน 24 ชั่วโมง อุปกรณ์ Apple ต่างๆ จะยังคง detect AirTag นั้นได้ สิ่งนี้ทำเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจจับ AirTag ของตนได้หาก AirTag ถูกลบออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จักโดยไม่ได้ตั้งใจ

    หลังจาก 24 ชั่วโมง อุปกรณ์ Apple ต่างๆ จะลบ AirTag ออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จัก หมายความว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะไม่ detect AirTag นั้นอีกเว้นแต่ว่า AirTag จะถูกตั้งค่าใหม่อีกครั้งโดยผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

    Airtag ถูกลบโดยไม่ตั้งใจ

    หาก AirTag ถูกลบออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จักโดยไม่ได้ตั้งใจ อุปกรณ์ Apple อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงจะยังคงสามารถ detect AirTag นั้นได้เป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง สิ่งนี้ทำเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจจับ AirTag ของตนได้หาก AirTag ถูกลบออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จักโดยไม่ได้ตั้งใจ
    หลังจาก 24 ชั่วโมง อุปกรณ์ Apple อื่นๆ จะลบ AirTag ออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จัก หมายความว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะไม่ detect AirTag นั้นอีกเว้นแต่ว่า AirTag จะถูกตั้งค่าใหม่อีกครั้งโดยผู้ใช้ที่แตกต่างกัน
    หากมีอุปกรณ์อื่นอยู่ใกล้ๆ เมื่อ AirTag ถูกลบออกจากรายการอุปกรณ์ที่รู้จักโดยไม่ได้ตั้งใจ อุปกรณ์นั้นจะแสดงการแจ้งเตือนว่าพบ AirTag ที่ไม่ได้อยู่ในรายการอุปกรณ์ที่รู้จัก การแจ้งเตือนนี้จะระบุหมายเลขประจำเครื่องของ AirTag และตัวเลขสี่หลักสุดท้ายของหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่ลงทะเบียน AirTag นั้น

    เจ้าของอุปกรณ์ที่พบ AirTag ที่ไม่ได้อยู่ในรายการอุปกรณ์ที่รู้จักสามารถดำเนินการได้ดังนี้
    ติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุในการแจ้งเตือน
    ลบ AirTag ออกจากอุปกรณ์ของตน
    นำ AirTag ไปที่ Apple Store หรือผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple

    หากเจ้าของ AirTag ต้องการกู้คืน AirTag ของตน พวกเขาสามารถตั้งค่า AirTag ใหม่อีกครั้งโดยใช้แอป Find My บนอุปกรณ์ Apple ของตน
    เมื่อ AirTag ถูกตั้งค่าใหม่อีกครั้ง อุปกรณ์ Apple อื่นๆ จะตรวจจับ AirTag นั้นได้อีกครั้ง


    ผู้ใช้เดิมสามารถตั้งค่า AirTag ใหม่อีกครั้งได้แม้ว่า AirTag จะอยู่ไกลกว่า 1 กิโลเมตร โดยใช้บริการ Find My Network

    Find My Network เป็นเครือข่ายแบบ peer-to-peer ที่อนุญาตให้อุปกรณ์ Apple สื่อสารกันเองได้ เมื่อ AirTag อยู่ในระยะที่ไกลเกินกว่าที่จะสื่อสารกับอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง AirTag จะสื่อสารกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงแทน อุปกรณ์ Apple เหล่านี้จะส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจจับ AirTag ใหม่ได้

    อย่างไรก็ตาม บริการ Find My Network อาจไม่ทำงานในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ที่ไม่มีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือหรือ Wi-Fi

    หากผู้ใช้ต้องการตั้งค่า AirTag ใหม่ในระยะไกลกว่า 1 กิโลเมตร ผู้ใช้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของตนอยู่ในพื้นที่ที่มีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือหรือ Wi-Fi

    ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการตั้งค่า AirTag ใหม่โดยใช้บริการ Find My Network:

    1. เปิดแอป Find My บนอุปกรณ์ Apple ของคุณ
    2. แตะไอคอน “อุปกรณ์”
    3. แตะไอคอน “เพิ่ม”
    4. แตะ “ใช้ AirTag ที่ไม่มีอุปกรณ์”
    5. แตะ “เริ่มต้น”
    6. ปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอ

    เมื่อ AirTag อยู่ในระยะที่ใกล้เพียงพอที่จะสื่อสารกับอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง อุปกรณ์ของผู้ใช้จะตรวจจับ AirTag และดำเนินการตั้งค่าให้เสร็จสิ้น

    หาก AirTag ยังคงอยู่ไกลเกินกว่าที่จะสื่อสารกับอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง อุปกรณ์ Apple อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงจะยังคงส่งสัญญาณไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้เป็นระยะๆ จนกระทั่ง AirTag อยู่ในระยะที่ใกล้เพียงพอที่จะสื่อสารกับอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง


    สาเหตุที่ AirTag สัญญาณไม่อัพเดท อาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้

    • AirTag อยู่ไกลเกินระยะที่อุปกรณ์ Apple จะสามารถตรวจจับสัญญาณได้ AirTag ใช้บลูทูธ Low Energy (BLE) เพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์ Apple ระยะไกลสูงสุดที่ AirTag สามารถส่งสัญญาณ BLE ได้คือประมาณ 100 เมตร อย่างไรก็ตาม ระยะจริงอาจแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม เช่น สิ่งกีดขวาง สภาพอากาศ และแบตเตอรี่ของ AirTag หาก AirTag อยู่ไกลเกินกว่า 100 เมตร อุปกรณ์ Apple ของคุณอาจไม่สามารถตรวจจับสัญญาณได้
    • AirTag แบตเตอรี่หมด AirTag ใช้แบตเตอรี่ CR2032 ซึ่งมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หากแบตเตอรี่หมด AirTag จะไม่สามารถส่งสัญญาณได้
    • AirTag ถูกปิดใช้งาน AirTag สามารถปิดใช้งานได้โดยใช้แอป Find My บนอุปกรณ์ Apple หาก AirTag ถูกปิดใช้งาน อุปกรณ์ Apple ของคุณจะไม่สามารถตรวจจับสัญญาณได้
    • AirTag อยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวน สัญญาณบลูทูธอาจถูกรบกวนโดยสิ่งต่างๆ เช่น ผนัง กระจก และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ หาก AirTag อยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวน อุปกรณ์ Apple ของคุณอาจไม่สามารถตรวจจับสัญญาณได้

    หาก AirTag สัญญาณไม่อัพเดท และคุณแน่ใจว่า AirTag อยู่ในระยะที่อุปกรณ์ Apple ของคุณสามารถตรวจจับสัญญาณได้ แบตเตอรี่ไม่หมด AirTag ไม่ได้ถูกปิดใช้งาน และไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวน คุณอาจลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

    1. ปิดและเปิดแอป Find My บนอุปกรณ์ Apple ของคุณ
    2. รีสตาร์ทอุปกรณ์ Apple ของคุณ
    3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ Apple ของคุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi หรือเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
    4. รีเซ็ต AirTag ของคุณ

    หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้ว AirTag ของคุณยังคงไม่อัพเดท คุณสามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Apple เพื่อขอความช่วยเหลือ

    ในกรณีของคุณ เมื่อคุณเอามือถืออยู่ใกล้ AirTag ก็ขึ้น detect อุปกรณ์ใหม่ แสดงว่า AirTag ของคุณอยู่ในระยะที่อุปกรณ์ Apple ของคุณสามารถตรวจจับสัญญาณได้ อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่า AirTag ของคุณอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวน หรือแบตเตอรี่ใกล้หมด คุณสามารถลองทำตามขั้นตอนข้างต้นเพื่อแก้ไขปัญหาได้

    คุณสามารถปิดใช้งาน AirTag ได้โดยใช้แอป Find My บนอุปกรณ์ Apple ของคุณ

    ขั้นตอนในการปิดใช้งาน AirTag มีดังนี้:

    1. เปิดแอป Find My บนอุปกรณ์ Apple ของคุณ
    2. แตะไอคอน “อุปกรณ์”
    3. แตะ AirTag ที่คุณต้องการปิดใช้งาน
    4. แตะ “รายละเอียด”
    5. แตะ “ปิดใช้งาน”
    6. ป้อนรหัสผ่าน Apple ID ของคุณ
    7. แตะ “ปิดใช้งาน”

    เมื่อคุณปิดใช้งาน AirTag แล้ว อุปกรณ์ Apple อื่นๆ จะไม่สามารถตรวจจับ AirTag ได้อีก

    นอกจากนี้ คุณยังสามารถปิดใช้งาน AirTag ได้โดยถอดแบตเตอรี่ออก

    ขั้นตอนในการถอดแบตเตอรี่ออกมีดังนี้:

    1. ถอดฝาหลังของ AirTag
    2. ใช้ไขควงปากแฉกขนาดเล็กเพื่อถอดแบตเตอรี่ออก
    3. ใส่ฝาหลังกลับเข้าที่

    เมื่อคุณถอดแบตเตอรี่ออกแล้ว AirTag จะปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ

    หากคุณต้องการเปิดใช้งาน AirTag อีกครั้ง คุณสามารถใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไปได้

    ขั้นตอนในการใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไปมีดังนี้:

    1. ถอดฝาหลังของ AirTag
    2. ใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไป
    3. ใส่ฝาหลังกลับเข้าที่

    เมื่อคุณใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไปแล้ว AirTag จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized