ใช่หรือไม่?
เงินไม่พอใช้
ทำไมฉันไม่รวยสักที
ทำไมเงินหายากจัง
ก็เพราะฉันไม่มีเงินนี่แหละ จึงไม่สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้สักกะที เพราะถ้ามีเงิน ฉันจะทำนู่นนี่ แต่เพราะไม่มีเงินนี่แหละจึงทำอะไรไม่ได้
Dan Lok ที่ปรึกษานักธุรกิจร้อยล้าน
เหตุผลที่คุณไม่เงินนั้น ไม่ใช่ปัญหา เป็นเพียงผลมาจากปัญหาก่อนหน้านั้น
ปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่การไม่มีเงิน แต่เป็นเพราะทักษะในการหาเงินของมีปัญหาต่างหาก
นั้นเพราะคุณขาดทักษะ คุณต้องเรียนรู้ ใช่แล้ว คุณต้องเริ่มทำมัน
ถูกหวยหลายสิบล้าน แต่ภายในปีเดียว กลับใช้เงินนั้นหมดแล้ว แถมเป็นหนี้
ต่อให้คุณมีเงินมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่หากคุณไม่มีทักษะในการจัดการกับเงิน สุดท้ายเงินก็หมดอยู่ดี
Dan Lok ร่ำรวย ไม่ใช่เพราะเขามีเงินเยอะหรือได้รับมรดกมา เพราะตอนที่เขาเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น เขาเป็นหนี้อยู่หลายล้าน แต่ที่เขามีได้ทุกวันนี้ ก็เพราะ เขาได้พัฒนาทักษะที่คนรวยมีกัน โดยฝึกให้เชี่ยวชาญและชำนาญมากยิ่งขึ้น ทักษะเหล่านั้น จะช่วยให้คุณมีเงินมากขึ้น ร่ำรวยมากยิ่งขึ้น มั่นคงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
1.การปิดการขาย (Closing)
การขายคือการที่คุณสามารถโน้มน้าวลูกค้าเงินเพื่อแลกกับสินค้าหรือบริการที่คุณมี เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดอันหนึ่ง ที่คุณจำเป็นต้องฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ เพราะทุกธุรกิจจะอยู่รอดได้เมื่อเกิดการขาย หากไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น ธุรกิจก็ไม่สามารถอยู่รอดได้
สำรวจตัวเอง .. คุณรู้สึกอย่างไร เวลาที่คุณพูดขายสินค้ากับลูกค้า เวลาที่ต้องนำเสนอไอเดียธุรกิจ สินค้าแก่คนแปลกหน้า หากรู้สึกว่าเวลาที่พูดเกี่ยวกับเรื่องการขายแล้วยังดูไม่เป็นธรรมชาติ ยังดูหวาดกลัว ยังเขิน ๆ คุณต้องรีบพัฒนาและฝึกฝน
2.การพูดในที่สาธารณะ (Public Speaking)
อาจจะกังวลว่า เสียงพูดอาจจะไม่ไพเราะ, การแต่งตัว, เรื่องที่พูดคนไม่ค่อยสนใจ กลัวการพูดผิด ๆ ถูก ๆ
Dan Lok ก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เพราะเขาเป็นคนฮ่องกงโดยกำเนิด และตอนที่อพยพมาที่อเมริกานั้น เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ซึ่งเขาก็เข้าเรียนหลายคอร์สมาก ๆ ที่เกี่ยวกับการพูดภาษาอังกฤษและการพูดในที่สาธารณะ เพื่อให้สำเนียงการพูดใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สามารถพูดในที่สาธารณะได้เป็นอย่างดีSteve Jobs, Bill Gates, Warren Buffet Jack Ma ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขาคิดว่าเขาเจ๋งกว่า Bill Gates อย่างน้อยก็ตรงที่ เขาพูดได้ทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ แต่ในขณะที่ Bill Gates นั้นพูดได้แต่ภาษาอังกฤษเพียงเดียว พูดภาษาจีนไม่ได้
3.การเขียนคำโฆษณา (Copyrighting)
Dan Lok ไม่ได้หมายถึงการเขียนเรียงความ การเขียนกลอนให้ไพเราะ การสะกดคำให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เพราะการเขียน Copyrighting ในที่นี่ก็คือ การเขียนเพื่อสื่อสารกับกลุ่มคนในภาษาเดียวกันกับพวกเขา เรื่องนี้ไม่มีการเรียนการสอนในโรงเรียน
ขอทานที่ตาบอด มีเขียนข้อความตั้งไว้ว่า I’m blind, please help.
คนเดินผ่านไปผ่านมา แทบไม่มีใครสนใจที่จะบริจาค กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาเขียนอะไรบางอย่างลงบนป้ายที่ตั้งอยู่หน้าของชายตาบอดคนนั้น แล้วเดินจากไปโดยที่ไม่ได้ให้เหรียญใดๆ แก่เขา แต่หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไป ทันใดนั้น ก็กลับมีผู้คนหลั่งไหล บริจาคเศษเหรียญอย่างมากมายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นเดินผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง ชายตาบอดจึงได้ถามหญิงสาวคนนั้นว่า “คุณทำอะไรกับป้ายของผม” หญิงสาวคนนั้นเลยตอบไปว่า ก็เขียนความหมายอย่างเดียวกับที่คุณเขียนไว้ก่อนหน้านี้นี่แหละ เพียงแต่ใช้คนละคำก็เท่านั้นเอง ซึ่งสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นเขียนก็คือ It’s a beautiful day and I can’t see it.
4.การเป็นผู้นำ (Leadership)
การทำธุรกิจคือการทำงานเป็นทีม หากเปรียบธุรกิจเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ซึ่งมันเป็นกีฬาที่ไม่ใช่เล่นแบบเดี่ยว แต่เป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม (ซึ่งแม้แต่กีฬาหลายประเภทที่แม้มีนักกีฬาลงแข่งขันเพียงคนเดียว แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังประกอบไปด้วยทีมงานนับสิบนับร้อยชีวิต เช่น โค้ช ผู้จัดการ นักกายภาพบำบัด นักการตลาด นายทุน ฯลฯ) และในฐานะที่คุณเป็นผู้นำขององค์กร คุณจำเป็นที่จะต้องสื่อสารวิสัยทัศน์ของคุณให้ทุกคนในทีมเข้าใจตรงกัน โดยคุณมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่น สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นทีมงาน เพื่อให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในการนำพาธุรกิจให้สู่ความสำเร็จ
5.การบริหารเวลา (Time Management)
แต่ละวันจะมีเวลาเท่ากับ 24 ชั่วโมง หากให้เวลาแก่คนสองคนที่เริ่มต้นจากศูนย์เหมือนกัน การที่ใครคนหนึ่งไปถึงเส้นชัยก่อน ขึ้นอยู่กับว่า เวลาที่คน ๆ นั้นจะใช้ ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และการที่จะใช้เวลาไปทำในแต่ละสิ่งนั้น ก็ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายหรือเส้นชัยข้างหน้าที่ต้องการด้วย และนอกจากจะต้องบริหารเวลาให้เป็นแล้ว ยังต้องบริหารเวลาให้ดีด้วย การจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ว่าอันไหนเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนมากกว่ากัน ซึ่งการเรียงลำดับงานที่ดีควรจะเป็น
- สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน (งานวางแผน)
- สำคัญและเร่งด่วน (แก้ปัญหาเฉพาะหน้า)
- ไม่สำคัญและเร่งด่วน
- ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน (ไม่ทำก็ได้)
6.ความฉลาดทางการเงิน (Financial Literacy)
ตั้งแร่เกิดจนตายเราทุกคนต้องยุ่งเกี่ยวกับเงิน แต่เรื่องของเงิน ไม่ได้เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรจำเป็นที่ทุกคนต้องเรียน แต่ในโรงเรียนกลับสอนแต่เพียงว่า จะทำอย่างไรให้ได้เกรด 1, 2, 3 หรือ 4 แต่ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงนั้น สถานะทางเงินของคุณคือสิ่งที่นำมาใช้ในชีวิตจริง เพราะเวลาที่คุณไปขอกู้เงินจากธนาคาร ก็ต้องขอดู Statement คงไม่ใครธนาคารไหนขอดูใบเกรด
ไม่จำเป็นถึงขนาดที่จะต้องไปลงเรียนเพื่อเป็นผู้สอบบัญชีมีปริญญาตรีด้านการเงินโดยเฉพาะ แต่สิ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ก็คือ การเข้าใจในภาษาของการเงิน เช่น Balance Sheet, Income Statement หรือ Cash Flow Statement ซึ่งข้อมูลทางการเงินเหล่านี้ ก็มักจะมีศัพท์แสงแปลก ๆ ที่คุณต้องทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่ามันหมายถึงอะไร เช่น Credit Score, Return on investment (ROI), Profit & Loss, Capital Gain, Capital Loss, Depreciation หรืออะไรก็ตามที่มันสามารถวัดผล ออกมาเป็นตัวเลขได้ เพราะคุณไม่สามารถวัดได้ หากสิ่งนั้นไม่มีตัวเลข
7.จัดการกับความคิดตัวเอง (Manage Your Mindset)
เป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในบรรดาทั้งหมด หากไม่มีทักษะในข้อนี้ ทักษะที่ผ่านมาจะไม่มีความสำคัญเลยแม้แต่น้อย เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นมาจากการกระทำอะไรสักอย่าง ที่การกระทำนั้น ถูกคิดและไตร่ตรองมาจากสมองของเรา ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ต้นทางของผลลัพธ์คือความคิด หากความคิดผิดแต่แรก ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นก็จะผิดไปด้วยนั่นเอง
หน้าที่ของเราก็คือ เราจะต้องควบคุมความคิดของตัวเองให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง คิดบวก คิดลบ ความกลัว ความเชื่อ ฯลฯ เช่น
หากคุณไม่เชื่อว่า เป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้ มันไม่สามารถเป็นไปได้ตั้งแต่แรก คุณก็จะไม่เสาะหา พยายามหรือขวนขวายทำให้มันเกิดขึ้นจริง