1.กินอาหารที่ดีต่อสมอง (Good Brain Food)
You Are What You Eat คุณกินอย่างไรคุณก็จะได้อย่างนั้น ยิ่งคุณให้ความสำคัญกับสิ่งที่กินที่มีประโยชน์ต่อสมองมากเท่าไหร่ สมองของคุณก็จะได้รับสารอาหารที่ดีมากเท่านั้น และเมื่อสมองคุณได้รับสารอาหารที่ดี สมองจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Jim Kwik แนะนำอาหารทั้ง 10 อย่างที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง เช่น
- Avocado
- Blueberries
- Broccoli
- Coconut Oil
- Eggs
- Green Leafy Vegetables
- Salmon
- Turmeric
- Walnuts
- Dark Chocolate
2.ฆ่ามดเหล่านั้นซะ Killing ANTS!
Automatic Negative Thoughts =การคิดลบโดยอัตโนมัติ
การกำจัดความคิดเชิงลบโดยเฉพาะความคิดเชิงลบที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
การคิดลบบ่อย ๆ ทำให้สมองเสื่อม มีแนวโน้มที่จะฉลาดน้อยลง ทำให้คนไม่มีความสุข และนำไปสู่โรคซึมเศร้า สาเหตุที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายได้
3.ออกกำลังกาย Exercise
เงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่ดีได้
หลาย ๆ โรคเกิดขึ้นจากการไม่ดูแลร่างกายของตนเอง ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถรักษาได้เช่นกัน ดังนั้น จงออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ โดยหาวิธีการและช่วงเวลาที่เหมาะสมกับร่างกายของคุณให้เจอ เพราะแต่ละคนมีร่างกายที่แตกต่างกันออกไป จงหาวิธีการที่คุณสามารถทำมันได้บ่อยและรู้สึกเอนจอยไปกับมัน มันจะทำให้คุณสามารถออกกำลังได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน
4. สารอาหารบำรุงสมอง Brain Nutrients
สารอาหารที่มีประโยชน์และบำรุงสมองโดยตรง OMEGA 3S, DHAS, GINGO BILOBA, VITAMIN B B12 เป็นต้น โดยหลายต่อหลายคนที่แม้ดูภายนอกจะดูเป็นคนที่แข็งแรงและสุขภาพดี กินอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ภายในอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งสิ่งที่จะทำให้รู้แน่ชัดมากที่สุดว่าร่างกายคุณต้องการสารอาหารแบบใด หรือร่างกายคุณกำลังขาดสารอาหารอะไรอยู่นั้น คือการทำการทดสอบผลเลือดของคุณ โดยคุณสามารถเข้าไปรับการตรวจสอบเลือดกับคุณหมอได้ โดยแม้จะใช้เวลาสักหน่อย แต่คุณจะได้ผลการตรวจเลือดที่แม่นยำสุด ๆ โดยบางคนร่างกายอาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่ผลเลือดอาจกำลังบอกคุณว่า หากคุณไม่รีบทำการรักษา คุณก็สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่งอยู่ ซึ่งคุณก็จะได้รีบหาวิธีป้องกันไว้ได้อย่างทันท่วงทีนั่นเอง
5.นำตนเองไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ดี Positive Peer Group
ตอนนี้ใครคือคนที่คุณใช้เวลาร่วมกันมากที่สุดในแต่ละวัน? ซึ่งในท้ายที่สุดคุณก็จะเป็นเหมือนกับคน ๆ นั้น ซึ่งหากบรรยายในเชิงวิทยาศาสตร์ขึ้นมาหน่อยก็จะได้ประมาณว่า ในสมองมนุษย์เรานั้น จะมีเซลที่เรียกว่า Neurons เป็นเหมือนลักษณะโครงข่ายใยแมงมุม แต่ละเซลจะมีแขนเหมือนรากไม้ที่เรียกว่า Axon อยู่นับล้าน ๆ โดยแขนขาของ Neuron แต่ละเซลจะเชื่อมต่อกันด้วยประจุไฟฟ้า เวลาที่เราคิดอะไรก็ตาม Neuron แต่ละตัวมันจะส่งสัญญาณเป็นประแสไฟฟ้า ที่สามารถวัดค่าได้จริง ๆ ส่งกันเซลต่อเซล ดังนั้นหากเพื่อนคุณเป็นคนคิดลบ คุณก็จะเริ่มคิดลบตาม และเซล Neuron ในสมองคุณก็จะเริ่มส่งกระแสไฟฟ้าไปยังนับล้าน ๆ เซลเพื่อหาเซลที่เห็นพ้องต้องกันว่าคุณต้องการคิดลบ ซึ่งสมองมันไม่แยกแยะว่า สิ่งที่รับมานั้นเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด มันแค่เพียงทำหน้าที่ตามที่เจ้าของสมองคิดเท่านั้น และในทางตรงกันข้ามหากคุณคิดบวก Neuron มันก็จะพยายามเข้าเซลประเภทเดียวกัน เกาะกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างแข็งแรง
และโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น ถูกออกแบบมาให้อยู่กันเป็นสังคม ซึ่งสิ่งที่มนุษย์ต้องการก็คือ การได้รับการยอมรับจากสังคม ดังนั้นหากคุณอยากให้คนในสังคมนั้นยอมรับคุณ คุณก็จะทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้ตัวของคุณกลมกลืนไปกับกลุ่มคนกลุ่มนั้น จนเกิดเป็นวลีที่ว่า “ตัวคุณคือค่าเฉลี่ยของคนอีก 5 คน ที่คุณใช้เวลาร่วมด้วยมากที่สุด” ดังนั้นหากตอนนี้คนที่รายล้อมคนเต็มไปด้วยคนถังแตกจำนวน 5 คนที่คุณใช้เวลาร่วมด้วยมากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ คุณจะกลายเป็นคนถังแตกคนที่ 6 ในกลุ่มนั้นไปโดยปริยายแม้ว่าคุณจะไม่อยากเป็นคนถังแตกก็ตามที
ดังนั้นหากคุณต้องการเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นคนที่เก่งขึ้น เป็นคนที่รวยขึ้น อยากเป็นคนแบบไหน ก็จงพาตนเองไปอยู่ในกลุ่มคนแบบนั้น ซึ่งแม้ว่าในตอนนี้คุณจะยังไม่ได้เป็นอย่างคนในกลุ่มเป็น แต่ในท้ายที่สุดคุณก็มีโอกาสจะเป็นค่าเฉลี่ยของพวกเขาอย่างแน่นอน
6.มีสภาพแวดล้อมที่สะอาดสะอ้าน Clean Environment
อาจเริ่มต้นด้วยการทำความโต๊ะทำงาน นำสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นหรือรกหูรกตาออกให้เหลือแต่เพียงสิ่งที่ต้องใช้จริง ๆ เท่านั้น ต่อมาหากคุณทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์สิ่งที่คุณจะต้องทำความสะอาดก็คือ แป้นคีย์บอร์ด เม้าส์ จอคอมฯ อากาศที่สะอาดไม่มีฝุ่นละออง น้ำดื่มสะอาดในระหว่างวัน
7.การนอนหลับ Sleep
ชีวิตเรากว่า 1 ใน 3 นั้น ใช้ไปกับการนอน
การนอนที่ดีทำให้สมองที่ความจำสั้น สามารถพัฒนาให้มีความจำที่ดีและยาวนานขึ้น
การนอนเป็นเสมือนช่วงเวลาในการรีเซ็ตและจัดระเบียบความเรียบร้อยให้กับสมอง เพื่อให้สมองสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นและลดโอกาสในการเกิดอาการสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร การนอนไม่เพียงพอมีโอกาสความจำเสื่อมได้เร็วกว่าคนที่นอนหลับอย่างเพียงพอ
การนอนทำให้เกิดความฝัน ซึ่งความฝันเป็นช่วงเวลาที่สมองของคนเรานั้นไร้ขอบเขตและขีดจำกัดต่าง ๆ ที่สังคมมนุษย์สร้างขึ้น โดยในความฝันนั้น อะไรก็สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ และหลายต่อหลายคนก็สามารถนำจินตนาการจากความฝันแล้วเนรมิตให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ซึ่งหลายสิ่งหลายอย่างหากอาจไม่เกิดขึ้นจริงหากคนเหล่านั้นไม่มีความฝัน
8.การปกป้องสมอง Brain Protection
การใส่หมวกกันน็อคเวลาขับขี่มอเตอร์ไซต์
หลีกเลี่ยงกีฬาที่มีความเสี่ยงต่อการกระทบกระทั่งของสมอง
ป้องกันสมองจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้า สนามแม่เหล็กไฟฟ้าจากมือถือ ซึ่งแม้ว่าผลวิจัยในปัจจุบันอาจจะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อสมองของเรามากแค่ไหน
9.ให้สมองของคุณให้ตื่นตัวเสมอ Keeping Your Brain Alive
การทำให้สมองตื่นตัวหรือได้คิดและพัฒนาอยู่ตลอดเวลาก็คือการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะสมองก็ต้องการการออกกำลังกายเฉกเช่นเดียวกันกับร่างกาย โดยการพัฒนาสมองนั้น อาจแบ่งออกได้เป็น 2 อย่างก็คือ Neurogenesis และ Neuroplasticity
- Neurogenesis การกำเนิดประสาท ซึ่งมนุษย์ถูกแบบสมองมาให้มีการสร้างเซลประสาทใหม่ ๆ ตลอดช่วงชีวิตของคนเราจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป ดังนั้นยิ่งคุณเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สมองคุณก็ยิ่งพัฒนาเซลประสาทใหม่ ๆ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
- Neuroplasticity เซลประสาทมีความยืดหยุ่นและมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเชื่อมต่อกันได้ตลอดเวลา
โดยวิธีการรักษาให้เกิดกระบวนการ Neurogenesis และ Neuroplasticity นั้น สามารถทำได้ 2 วิธีก็คือ Novelty ที่หมายถึง ความแปลกใหม่ และ Nutrition หมายถึงคุณค่าทางโภชนาการ โดยเป็นหลักการเดียวกันกับที่ทำให้ร่างกายของคุณพัฒนาและมีสุขภาพที่ดี นั่นก็คือ การกระตุ้นด้วยความแปลกใหม่และสร้างสิ่งเร้าเพื่อให้ตัวคุณอยากไปออกกำลังกายแล้วสุดท้ายก็บำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีโภชนาการที่ดีต่อร่างกาย สมองก็เช่นเดียวกัน
10.การจัดการความเครียด Stress Management
มองหากิจกรรมที่เมื่อคุณทำแล้วรู้สึกผ่อนคลายอยู่เสมอเมื่อเกิดภาวะความเครียด บางคนอาจเลือกที่จะนั่งสมาธิ ไปปฏิบัตธรรม ฟิตเนสออกกำลังกาย ท่องเที่ยวต่างจังหวัด
หาของอร่อย ๆ กิน