น้ำผลไม้สูตรพิเศษ (Juice Diet)
ปาลิโอ ไดเอท (Paleo Diet)
แอตกินส์ ไดเอท (Atkins Diet)
และอีกมากมาย …

สูตรลดน้ำหนัก คีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) หรือ คีโต ไดเอท (Keto Diet)
กินไขมันเท่าไหร่ น้ำหนักเราก็ยิ่งลด การกินเน้นไขมันสูง และตามมาด้วยโปรตีน ลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมาก ๆ  แล้วแทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์

เมื่อลดคาร์โบโฮเดรตและน้ำตาล
ร่างกายเกิดภาวะ “กลัวตาย” เพราะปกติใช้เป็นพลังงาน จาก กลูโคสในเลือด แป้ง น้ำตาล ร่างกายจำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานมาแทนที่ ซึ่งคือไขมัน

การกินแบบนี้จะก่อให้เกิดสภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่า คีโตสิส (Ketosis) ทำให้เกิดสาร คีโตน (Ketone) ในตับ เอาตรงนี้มาใช้เป็นพลังงาน หลังจากเริ่มการกินแบบคีโตเจนิคไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ร่างกายและสมองอาจรู้สึกล้า เหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก แต่ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว จนสามารถนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแทนที่คาร์โบไฮเดรต หรือ คือภาวะนี้จะเปลี่ยนให้ร่างกาย ดึงเอาไขมันมาเผาผลาญแทน

จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเครตให้ต่ำที่สุด เน้นกินอาหารที่มีไขมัน แต่ต้องเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติ ไก่ทอดธรรมดาไม่ชุบแป้งทอด อะโวคาโด เนย ชีส หรือ น้ำมันหมูก็กินได้ แต่นานๆจะขาดไฟเบอร์ มีปัญหาการขับถ่าย
ของทอด เนย ชิส ไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะ เป็นโปรเซส food และ มีส่วนผสมมากมาย การทอดความร้อนสูง มีไขมันทรานส์ ฯลฯ ดังนั้น คีโต ไม่ใช่ อาหารเฮลตี้

เหมาะมากกับคนที่ไม่ชอบกินคลีน กินผัก และเบื่อความยุ่งยากวุ่นวายในการคำนวณแคลอรี จำกัดสัดส่วนอาหารในแต่ละมื้อ เหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักในระยะสั้น เน้นผอมไว ไม่เน้นความเฮลตี้มากนัก ไม่เหมาะกับคนอายุ 50+ เพราะอาจทำให้วูบ หน้ามืดเป็นลมได้

สรุป การกินคีโต คือ ลดแป้ง คาร์โบฯ และน้ำตาล เพื่อให้ร่างกายใช้พลังงานจาก ไขมัน โดยกินอาหารที่ให้ไขมัน และโปรตีน

การลดน้ำหนักแบบ “Low Carbohydrate Diet” 

คาร์โบไฮเดรต สารอาหารที่ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนหลายชนิด อินซูลิน (Insulin) กลูคากอน (Glucagon) และเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นตัวสั่งให้ร่างกายใช้ไขมันเผาผลาญไขมัน รวมทั้งทำให้เกิดความรู้สึกหิว อยาก และอิ่ม

คาร์โบไฮเดรตมีหลายชนิด
Refined Carbohydrate ได้แก่ น้ำตาลและแป้งขัดขาว หลังจากรับประทานจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หิวบ่อยกว่าปกติ รับประทานเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม 

คนสมัยก่อนบริโภคไขมันที่ได้จากสัตว์กันมากมาย แต่ไม่อ้วนกันมาก สิ่งที่ทำให้คนอ้วนขึ้น เป็นเพราะอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตผ่านกระบวนการมากขึ้น กินน้ำตาลมากขึ้น ข้าวถูกขัดเอาเปลือกออก แล้วโม่เป็นแป้ง น้ำตาลจากอ้อยหรือน้ำเชื่อมจากพืชที่เต็มไปด้วยน้ำตาลฟรุคโทส (Fructose) อาหารพวกนี้ผ่านกระบวนการกลายเป็นน้ำตาลบริสุทธิ์ที่รับประทานเข้าไปแล้วย่อยง่าย ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว มีผลต่อฮอร์โมน เกิดการเก็บไขมันสะสมมากผิดปกติ 

กินน้ำตาลมาก ระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งทำให้อยากรับประทานน้ำตาล อยากกินมากขึ้นไปอีก
น้ำตาลจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนอินซูลินหลั่งเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือด
อินซูลินสูง ทำให้น้ำตาลในเลือดถูกกดจนต่ำกว่าปกติ จะหิว ไม่มีแรง ก็จะอยากกินขนมและหาขนมมากิน

ร่างกายคนเราใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก
การจำกัดคาร์โบไฮเดรตทำให้ร่างกายมีน้ำตาลที่จะเผาผลาญเป็นพลังงานน้อยลง
ร่างกายจะสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน
ไขมันที่สะสมอยู่ถูกสลายออกมาก
ทำให้น้ำหนักลดลง มีการสร้างสารคีโตนมากขึ้น
สารคีโตนในเลือดจะยับยั้งความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกไม่หิวและกินน้อยลง

การงดคาร์โบไฮเดรตเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อระดับเกลือแร่ในเลือด เมื่อสมดุลเกลือแร่เสีย คลื่นไส้ ปวดหัว ควรเสริมวิตามินและเกลือแร่ที่เหมาะสม

การลดน้ำหนัก High Protein Diet กินได้ไม่จำกัด

การลดน้ำหนักด้วย “High Protein Diet” เริ่มต้นมาจากสูตรอาหารของแอตกินส์ (Atkin’s Diet) โดยแอตกินส์เป็นนามสกุลของ นายแพทย์โรเบิร์ต ซี. แอตกินส์ ด้านโรคหัวใจ โรคหัวใจคร่าชีวิต คนอเมริกันแต่ละปีนับเป็นแสนคน และหนทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการใช้โภชนบำบัด 

ปัญหาใหญ่ของคนอเมริกันคือ โรคอ้วน ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วนยังก่อโรคอีกหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เกาต์ 

หลักการของแอตกินส์ คือ หาวิธีทำให้อินซูลินในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาเมื่อน้ำตาลในเลือดมีระดับสูง
หน้าที่ของอินซูลิน คือเร่งกลไกการดึงน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เซลล์ ช่วยในการสลายน้ำตาลให้เป็นพลังงาน
ร่างกายจะหลั่งอินซูลินได้ก็เมื่อมีกลูโคสจากอาหารถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด
กลูโคสเข้าสู่ร่างกายได้ก็ต่อเมื่อร่างกายได้รับอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาล หรือคาร์โบไฮเดรต

เกิดเป็นสูตรอาหารโปรตีนสูง (High Protein Diet) โดยงดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต (Low Carbohydrate Diet) เน้นการรับประทานโปรตีน เนื่องจากโปรตีนไม่มีผลกับระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญ ยิ่งรับประทานโปรตีนมากเท่าไหร่จึงยิ่งเป็นการเพิ่มการเผาผลาญ เมื่อไม่มีคาร์โบไฮเดรต ระดับน้ำตาลในร่างกายก็ลดลง ร่างกายจะตอบสนองโดยการสลายเอากรดไขมันออกจากเนื้อเยื่อไขมันนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานทดแทนกลูโคส เพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานแทน น้ำหนักจึงลดลงได้จากการสลายไขมัน โดยไม่ต้องอดอาหาร ในทางตรงกันข้าม ยิ่งรับประทานโปรตีนมากเท่าไหร่น้ำหนักก็จะยิ่งลดลง 

แต่อาจเกิดผลเสีย เนื่องจากส่งผลต่อระดับเกลือแร่และอิเลคโตรไลท์ของร่างกายผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปปฏิบัติ เนื่องจากระหว่างการลดน้ำหนักด้วยวิธีจำเป็นต้องเสริมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลที่ดีและมีความปลอดภัยต่อผู้ลดน้ำหนัก

“การลดน้ำหนักแบบ Low Carb (Low Carbohydrate Diet) เป็นการลดการรับประทานอาหารประเภทแป้งทุกชนิด > ขนมปัง มันฝรั่ง ข้าว พาสต้า เค้ก ขนมต่างๆ ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ คาร์โบไฮเดรต ย่อย เป็นน้ำตาล เมื่อร่างกายใช้น้ำตาลไม่หมด ก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันเพื่อเก็บสะสมเกิดเป็นภาวะอ้วนได้
เมื่อลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต จะเป็นการบังคับให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้เป็นพลังงานแทน ส่งผลให้เกิดการลดน้ำหนักจากการเผาผลาญไขมันในร่างกายโดยตรง 

นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานโปรตีนได้อย่างไม่จำกัด โดยส่วนของโปรตีนร่างกายจะไม่นำมาใช้เป็นพลังงานจะใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและเพื่อการเจริญเติบโตเท่านั้น การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จึงมีข้อดีที่ไม่ทำให้เกิดภาวะเครียดจากการอดอาหาร เป็นที่นิยมในผู้ที่ลดน้ำหนัก

แต่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จจากการรับประทานด้วยวิธีนี้ ก็เพราะการเลือกรับประทานที่ไม่ถูกวิธี มีความเข้าใจเรื่องคาร์โบไฮเดรตไม่ถูกต้อง คือ เมื่อพูดถึงคาร์โบไฮเดรตก็มักจะนึกถึงข้าว การลดคาร์โบไฮเดรต คือการลดข้าว แต่กลับไปรับประทานผักผลไม้แทน ซึ่ง ผลไม้ ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง จึงทำให้รับประทานเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลด นอกจากความเข้าใจเรื่องคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ

คาร์โบไฮเดรต คือ อาหารจำพวกแป้ง ข้าว ผัก ผลไม้ โดยแบ่ง2
o แบบ Simple Carbohydrate คือ ดูดซึมง่าย เปลี่ยนเป็นน้ำตาลอย่างรวดเร็ว เช่น ขนมเค้ก ของหวาน ครัวซองต์ ข้าวขาว ข้าวเหนียว
o แบบ Complex carbohydrate คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึม ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว เช่น พืชผัก ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต ซีเรียล ธัญพืช

การรับประทานคาร์โบไฮเดรตแบบ Complex Carbohydrate จึงดีกว่า Simple Carbohydrate 

1. การกินแบบ Low Carbohydrate Diet เป็นเวลานาน ส่งผลต่อระดับเกลือแร่ในเลือดได้ เช่น ทำให้ระดับโปรแตสเซียมในเลือดต่ำ สารคีโตนสูง หรือทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด เป็นอันตรายกับร่างกายได้ จึงควรทำการตรวจวัดระดับในเลือดเป็นระยะๆ
   
2. กินในระยะยาว ร่างกายจะขาดเส้นใยอาหาร (Fiber) ปัญหาขับถ่าย การเสริมอาหารไฟเบอร์จึงจำเป็น และอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินบางตัวในอาหารประเภทแป้ง ผัก และ ผลไม้ ได้ จึงควรเสริมด้วยวิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสม
   
3. ในผู้ที่มีภาวะอ้วนแต่ละคนจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป ควรรู้จักพฤติกรรมการกินของตนเอง มีระบบการย่อยหรือการเผาผลาญที่ดีหรือไม่ หรือที่เรียกว่า Metabolism (บางคนเมทตาโบลิซึมสูง เผาผลาญง่าย อ้วนยาก) บางคนกินน้อยก็ยังมีน้ำหนักเกินได้ เนื่องจากระบบการเผาผลาญไม่ดี ซึ่งอาจเกิดได้จากฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการเผาผลาญ การลดน้ำหนักที่ดี จึงควรวิเคราะห์ถึงสาเหตุและปรับแก้ไข
   
4. ผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต ปรึกษาแพทย์ก่อน
   
5. ถ้าต้องการใช้วิธี Low Carbohydrate Diet ลดน้ำหนักในระยะยาวนานกว่า 1 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และนักโภชนาการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก อีกทั้งป้องกันภาวะที่อาจเกิดเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้