• August 16, 2018

    วิธีแก้ไขและวิธีป้องกัน Bandwidth (Data Transfer) เต็ม

    1. ติดต่อ Support เพื่อให้เปิด account ให้ชั่วคราวก่อน
    2. เมื่อเข้าใช้งานระบบจัดการเว็บโฮสติ้งได้แล้ว ให้เข้าไปเช็คที่ เมนู “Site Summary / Statistics / Logs” แล้วคลิกที่ชื่อโดเมน
    เพื่อเช็ค Stat หาสาเหตุที่ทำให้ Bandwidth เต็มค่ะ ซึ่งสาเหตุที่พบหลักๆ มีดังนี้

    – มีผู้เข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก  (traffic เข้ามาเยอะ อาจจะมาจากคนหรือบอทมาเก็บข้อมูล)
    – มีไฟล์ขนาดใหญ่บนหน้าเว็บไซต์ เช่น ไฟล์ประเภท vdo flash ขนาดใหญ่มาก(เกิน 500 KB)
    – ถูกดึงไฟล์ไปใช้ยังเว็บไซต์อื่น (hot link)
    – มีการดาวน์โหลดหรืออัพโหลดไฟล์ขนาดใหญ่
    – เว็บไซต์ติดไวรัส หรือโดนฝัง code แปลกปลอม

    3. เมื่อพบสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ใช้ Bandwidth จำนวนมาก เจอแล้วมีวิธีแก้ไขดังนี้
    – หากสาเหตุคือมีผู้เข้าเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก ต้องแก้ไขโดย upgrade package web hosting หรือ ซื้อ Bandwidth เพิ่ม โดยติดต่อ Support
    – หากพบว่าไฟล์ที่ถูกเรียกใช้บ่อยๆ มีขนาดใหญ่ เช่น header ไฟล์ vdo ที่หน้าแรกของเว็บไซต์ flash intro ต้องแก้ไขโดยการลดขนาดไฟล์ลง ควรมีขนาดไฟล์ไม่เกิน 500 KB

    ถ้าทำการลดขนาดไฟล์แล้วยังไม่สามารถลดขนาดให้เล็กลงได้ ก็ต้องทำการ upgrade package web hosting

    – ถ้าถูกดึงไฟล์ของเว็บไซต์เราไปใช้ยังเว็บไซต์อื่น โดยที่เราไม่ได้อนุญาต ให้แก้ไขโดยทำการเปลี่ยนชื่อไฟล์นั้น หรือแจ้งไปยังเจ้าของเว็บไซต์ที่ดึงไฟล์ไป ให้ยกเลิกการดึงไฟล์ของเรา
    – ไม่อนุญาตให้ download หรือ upload ไฟล์ที่ขนาดใหญ่มากๆ แนะนำให้ฝากไฟล์กับเว็บไซต์ที่รับฝากไฟล์ แล้วเอา link มาแชร์ให้ download ที่หน้าเว็บแทน
    – ตรวจสอบเว็บไซต์ว่ามี code แปลกปลอมในหน้าเว็บไซต์ที่มีการใช้งานมากผิดปกติหรือไม่ หากมี ให้ลบออก จากนั้นเปลี่ยน permission ของไฟล์นั้นเป็น 755

    วิธีลด Bandwidth ของเว็บไซต์
    – เปลี่ยนจากการใช้รูปที่เป็นสีทำ Background
    บางคนทำเว็บไซต์แล้วเวลาใช้ background ที่เป็นสี มีการใช้รูปมาทำ เช่น กำหนดรูปชื่อ black.jpg เพื่อนำไปเป็นพื้นหลังสีดำ ซึ่งไม่ควรทำ ควรใช้คำสั่ง CSS เพื่อดึงค่าสีมาแสดงเป็นพื้นหลังสีดำดีกว่า โดยใช้ color:#000000 แทน
    – ใช้รูปนามสกุล .jpg  .png  ดีกว่า
    เวลาทำรูปใน Photoshop แล้วจะบันทึกควรเลือกบันทึกแบบ Save for Web & Devices (Alt+Shift+Ctrl+S) เพื่อที่จะได้ขนาดไฟล์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในเว็บไซต์ โดยควรเป็นนามสกุล .jpg  .png  หรือ .gif  แต่ไม่ควรเป็น .bmp โดยเด็ดขาด
    – ไม่ให้ผู้อื่นนำรูปไปแสดงได้
    ส่วนมากคนจะนิยมเรียกว่า hotlinks สำหรับการป้องกันแบบนี้ก็คือไม่อนุญาติให้ใครเอารูปไปแปะไว้ที่เว็บอื่น หรือทำการดึงเอาลิงก์ตรงๆจากในเว็บไซต์เราไปแสดงผลที่อื่น ซึ่งก็ช่วยลด Bandwidth ได้เยอะเช่นกัน ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยใช้ htaccess มาช่วยได้ ลองดูวิธีได้จากเว็บ altlab.com
    – บีบอัดไฟล์ CSS
    ไฟล์ CSS บางคนเขียนไฟล์เดียวใช้คลุมทั้งเว็บไซต์ ไม่แบ่งไฟล์เลย หรือบางครั้งไฟล์ CSS ก็ใหญ่มาก ดังนั้นควรมาทำการบีบอัดขนาดไฟล์ CSS ก่อนนำไปใช้งาน ซึ่งสามารถนำไปบีบอัดข้อมูลได้ที่arantius.com หรือ  isnoop.net
    – บีบอัด HTML ด้วย GZIP
    เหมือนกับ CSS ซึ่ง HTML ก็สามารถทำได้ ซึ่งหากใช้ PHP ในการทำเว็บไซต์ก็ลองใช้คำสั่งนี้ดู ลองดูวิธีการใช้ GZIP ได้ที่นี่
    – งดใช้ HTML Comment
    เวลาเขียนเว็บไซต์ส่วนที่เราไม่ต้องการแสดงผล หรือ บางส่วนเราอยากจะมี Comment ไว้เราก็มักจะเขียนด้วย <!– เนื้อหา –!> แต่ก็ยังคงมีการ Comment ในไฟล์ต่างๆ เช่น CSS ก็ใช้ /* Comments */  เป็นต้น ดูการ Comment ของภาษาต่างๆได้ที่นี่
    – หลีกเลี่ยงการใช้ตาราง
    หากว่าส่วนไหนที่สามารถใช้คำสั่ง DIV หรือ SPAN ได้ก็ควรใช้แทน TABLE แล้วนำเอา CSS มาควบคุมการทำงาน ซึ่งจะทำให้ไวขึ้นได้
    – ให้ที่อยู่ของไฟล์สั้นที่สุด
    ในการสร้างที่เก็บไฟล์ ไม่ว่าจะไฟล์เอกสาร หรือ ไฟล์รูปต่างๆ ไม่ควรมีความซับซ้อน หรือลึกเกินไป ซึ่งจะทำให้ต้องเขียน HTML มากขึ้น ทำให้ Bandwidth สูงตามไปด้วย เช่น  /images/stories/subfolder_1/subfolder_2/subfolder_3/this_is_my_image.jpg ควรใช้แค่ /img/001.jpg
    – ใช้ ALT และ TITLE ให้สั้นและกระชับ
    ใน HTML เราสามารถใส่ ALT หรือ TITLE ได้ เพื่อประโยชน์หลายประการ แต่ในปัจจุบันมักจะทำเพื่อหวังผลด้าน SEO มากที่สุด ซึ่งในการลด Bandwidth เราควรทำให้สั้นและกระชับที่สุด เช่น <img src=”images/001.jpg” alt=”Picture of an elephant” title=”This is a big elephant” /> ปรับเป็น <img src=”images/001.jpg” alt=”Elephant” title=”Elephant” />
    – นำไฟล์ใหญ่ๆไปฝากกับเว็บให้บริการฝากไฟล์
    หากจะมีการให้ดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ ควรทำไปฝากกับผู้ให้บริการฝากไฟล์ เช่น RapidShare และMegaUpload. หรือไม่ก็ 4shared
    – ใช้ระบบ Cache ภายนอกสำหรับ RSS Feed
    ใช้บริการสร้าง Cache RSS Feed จากภายนอก โดยสามารถเลือกใช้งานได้จาก RSS Cache และดูการทำงานได้ที่นี่
    – ไม่ Submit เว็บของคุณลง Search Engine
    ฟังแล้วดูตลกไหม แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่อยากจะลด Bandwidth ก็ต้องงด Submit เว็บไซต์ไปยัง Search Engine เพื่อป้องกัน Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของเรา เช่น Add your URL ของ Google
    – เข้าชมได้แต่สมาชิก
    เป็นไงหล่ะวิธีนี้ กำหนดไปเลยว่าเข้าชมได้เฉพาะสมาชิก มีการ login ก่อนเข้าเว็บไซต์ หรือไม่ก็เสริมด้วยเข้าชมได้เฉพาะประเทศ , ไอพี เป็นต้น รับรองลดได้เยอะทีเดียว
    – ใช้งาน AJAX
    อันนี้น่าสนนะสำหรับ AJAX (Asynchronous JavaScript and XML) ก็สามารถช่วยลด Bandwidth ได้มาก เพราะจะโหลดส่วนที่อัพเดท หรือ เปลี่ยนแปลงมาแสดง ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหน้าเว็บเป็นต้น
    – และสุดท้าย อย่าให้ใครรู้จักเว็บคุณ
    อาจจะดูโง่ แต่นี่แหล่ะคือวิธีประหยัด Bandwidth ที่ดีที่สุด เมื่อไม่มีใครรู้จักเว็บเรา ก็จะไม่มีคนเข้า ดังนั้นก็ประหยัด Bandwidth สุดๆไปเลย และ แถมมาด้วยการไม่เสี่ยงต่อ แฮกเกอร์ นั่นคือ อย่าให้ index ใน google



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized