เรียนรู้การใช้ชีวิตกับ Google ตัวใหม่กับคำว่า Over Optimization
Google ได้ประกาศออกมาว่าเว็บไซท์ที่มีการปรับแต่งมากจนเกินไปจะถูกลงโทษ หลายคนคงจะทราบว่า หาก Google ลงโทษเว็บไซท์ใดก็ตามแล้ว ทำใจได้เลยว่ายอดขายหรือผลการค้นหาของเว็บไซท์ของคุณจะหายไปจากสารระบบ หรือไปอยู่ที่ในอันดับที่ไกลๆ
6 สิ่งที่นัก SEO ควรจะคิดก่อนการปรับแต่ง คือ
• ยึดหลักความเป็นจริง Authentic, Non-Spammer title
กล่าวคือ โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วจะไม่มีใครใส่ Title หรือ Title tag ซ้ำๆกัน ซึ่งหลายๆเว็บไซท์นั้น จะใช้ Title ที่มีคำซ้ำๆวกวนอยู่กับคำเดิมๆ เช่น โปรโมท SEO, ทำ SEO ให้ติดอันดับ, SEO, เพิ่มยอดขายด้วย SEO เราจะสังเกตุเห็นว่า Title ดังกล่าวนั้น มีคำว่า SEO ซ้ำๆอยู่ ถึง 4 ครั้ง และโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะไม่ใช้คำซ้ำๆเพื่อบอกกล่าวคนอื่น ลองจินตนาการตามนะครับ ถ้ามีคนต้องการทำ SEO คำว่า โทรศัพท์ และคุณเข้าไปในเว็บไซท์นั้นและเจอ Title คำว่า โทรศัพท์สวยๆ ที่ทำให้โทรศัพท์บ้านคุณสวยอย่างที่คุณต้องการจะได้โทรศัพท์เลย ซึ่งโดยธรรมชาติไม่มีใคร Crazy ที่จะใส่คำว่าโทรศัพท์เยอะขนาดนั้นหรอกครับ
ผิดวิธี คือ เว็บไซท์ที่ขายของ หรือขายบริการใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น SEO หรือ Webdesign และใช้คำที่ซ้ำๆอย่างที่กล่าวมานั้น จะทำให้ Panda กินเว็บไซท์ของคุณอย่างอะเร็ดอร่อยเลย กล่าวคือ คุณจะถูกลงโทษ
ถูกวิธี คือ คุณควรจะใส่ Keyword เข้าไปเพียงครั้งเดียวพอ คือ “Brand name โปรโมท SEO , ทำอันดับเว็บไซท์”
• การจัดการลิงค์ภายในอย่างเหมาะสม Manipulative Internal Link
หลายคนคงจะเคยได้ยินมาว่า การใส่ Anchor text ในลิงค์ที่เราจะวางนั้นจะช่วยให้ อันดับในคำที่เรา Targeted เอาไว้ดีขึ้น อันที่จริงมันช่วยได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่จะมีบางคนที่ ใส่มันมากจนเกินไป คือ แต่ละคำที่เค้าเขียนและวางลิงค์โยนไปหน้าใดหน้าหนึ่ง ก็จะใส่ Anchor text ลงไปในลิงค์ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าใส่ Anchor text ที่เป็นคำ keyword ที่เราต้องการ เข้าไปในลิงค์ เพียงครั้งเดียวนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าเราใส่ Anchor text ที่มี keyword แบบตอนแรก ซ้ำๆ ในทุกๆลิงค์ อันนี้ถือว่า ผิดธรรมชาติของคนแล้ว และยิ่งถ้าเกิดว่าลิงค์ที่เราวางลงไปนั้น เป็นลิงค์ที่พา User ไปหน้าเดิมๆซ้ำๆแต่คำที่ใช้แตกต่างกันก็ยิ่งโดน Google มองว่าเป็น Spammer ขึ้นไปอีก สรุป คือ 1. ห้ามใส่ Anchor text ด้วยkeyword คำเดิม ซ้ำเกิน 1 ครั้ง 2. ห้ามวางลิงค์ที่พา User ไปยังหน้าใดหน้าหนึ่ง เกิน 1 ลิงค์
• ลิงค์ที่ใช้ไม่ได้ผล Cruddy, Link filled feature
โดยส่วนใหญ่แล้วลิงค์ที่ไม่ได้ผลนั้นจะเป็น keyword ที่คนไม่ค่อยนิยมคลิ๊กเข้าไปดู และโดยส่วนใหญ่เจ้าของเว็บไซท์จะวางด้วย keyword ซึ่งในสมัยก่อนปี 2002 นั้นถือว่าใช้ได้และประสบควาสำเร็จ แต่นี่มัน 2012 แล้วครับ ซึ่งหากเพื่อนๆนึกภาพไม่ออกคือ คำที่เป็น Keyword ที่อยู่ตรง Footer หรือข้างล่างสุดของเว็บไซท์นั่นเอง ปัจุบันเราสามารถเห็นได้ในเว็บไซท์หลายๆแห่งชื่อดังในไทย
• Text content Blocks Built primarily for the engine
ในหลายๆเว็บไซท์นั้นมะมี Blocks หรือ Image ที่มีกล่องครอบอีกทีหนึ่ง สังเกตุง่ายๆจากเว็บไซท์ E-Commerce ที่จะมีการแสดงสินค้าเป็นรูปภาพ และที่เป็นรูปภาพแล้วมีกรอบครอบอีกทีนึง ซึ่งในกล่องหล่าวนั้น และในรูปภาพเหล่านั้น หลายคนได้ใส่ keyword ลงไป เช่น “นาฬิกาข้อมือ, นาฬิกาผู้ชาย, นาฬิกาสวยๆ, Casio นาฬิกา” ซึ่งผมว่าคุณควรจะคิดให้มากๆนะครับว่ามันต่างอะไรกับ การ Spam วิธีข้างต้นที่ผมกล่าวมา และนี่คือจุดที่อันตรายมากที่สุดอีกจุดหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งผมว่าคุณจะทำให้ มันมีความน่าดึงดูด และน่าสนใจ และมันจะทำให้คนอื่นแชร์สิ่งที่คุณมี และดึงคนมาหาคุณเรื่อยๆจะดีกว่าครับ ไหนๆก็สร้าง ภาพมาสวยๆแล้ว
• Back links from penalty likely source
การสร้าง Back link ด้วยวิธีดังต่อไปนี้เป็นการ Spam ทั้งสิ้น และ Google สามารถเข้าใจพฤติกรรมของนัก SEO สายดำ และจัดการได้ทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง
1. Link Network หลายคนสร้าง network ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง และ เขียนบทความ โยนกลับไปยัง เว็บที่เค้าต้องการจะทำอันดับ ลองจินตนาการตามนะครับ สมมติว่าผมจดโดเมนมา 500 เว็บ และเขียนบทความใส่ลงไปทั้ง 500 เว็บไซท์ โดยใน 500 เว็บไซท์นี้วางลิงค์โยนไปยัง เว็บ A หรือ เว็บที่ต้องการจะทำอันดับ คุณคิดว่าGoogle ไม่รู้เลยหรอครับ
2. Comment spam คือวิธีการที่คนเข้าไป Blog หรือ Forum ต่างๆ แล้วไป Comment ด้วยการวางลิงค์ ของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ สอดคล้องกับโพสนั้นโพสเลย ซึ่ง Google รู้ได้ไงว่าComment ไหนไม่เป็นธรรมชาติ โดยดูจาก ข้อความของคนที่โพส และข้อความที่คุณ Comment หากคุณแค่ไปแสดงความยินดีว่า โอ้วสุดยอด เขียนได้ดีมาก แล้ววางลิงค์เว็บไซท์ของคุณ นั่นแหละครับ ถือว่าเป็นการสแปม
3. Forum signal links การวางลิงค์มายังเว็บไซท์ของเราโดยการไปสมัครตาม Forum ต่างๆแล้ววางลิงค์ไว้ตรง Signature หรือ ลายเซน นั่นเอง ซึ่งในปัจุบัน Google รู้แล้วว่านี่คือวิธีของการทำ SEO ในรูปแบบสแปม หรือที่เรียกง่ายๆว่า Link building
4. Reciprocal lists การส่งเมลล์ด้วยลิงค์เดิมซ้ำๆไปยังบุคคลซ้ำๆ นั้นถือว่าเป็นการสแปมเช่นกัน และ Google ก็เช็คได้อีกเช่นกัน
5. Article Marketing site คือการเขียน article เพื่อเชื้อเชิญ เช่น Submit เว็บเราสิแล้วเราจะส่ง Link ที่ทำให้เว็บของคุณ อันดับดีขึ้น
• Amounts of pages targeting similar-Keyword หรือการสร้างหน้าด้วย keyword ที่คล้ายกันหลายๆหน้า
อันนี้ผมเห็นหลายคนเลย มีบทความที่เขียนซ้ำๆเดิมๆเกี่ยวกับเรื่องเดิม ด้วย keyword เดิมๆ และเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปแต่ยังคงเนื้อหาเดิมๆอยู่ เช่น เขียนบทความเกี่ยวกับ แฟชั่น และวางลิงค์ไปยังลิงค์ A และ วันต่อมาก็เขียนบทความเกี่ยวกับแฟชั่นอีก และวางลิงค์ A อีกเช่นกัน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาอันดับ หรือ ดันอันดับ แน่นอนว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล
สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่าบางคนอาจจะเข้าใจการทำ SEO มากขึ้น และ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ อีกทั้งเข้าใจด้วยว่า การ Over optimization หรือ การปรับแต่งเว็บไซท์ด้วย SEO มากจนเกินไปนั้น เป็นแบบไหน