เน็น เป็นการนำพลังงานชีวิตจากร่างกายมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ โดยสามารถเห็นพลังงานนี้ในรูปแบบคล้ายออร่า ซึ่งเน็นของแต่ละคนจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ตามแต่ลักษณะนิสัย ความชอบ ทัศนคติ งานอดิเรก ฯลฯ ของคนผู้นั้น แต่โดยรวมอาจแบ่งประเภทของเน็นได้เป็น 6 ชนิดดังนี้
1. สายเสริมพลัง (Enhancement) – เป็นเน็นสายพื้นฐานที่สุดของทั้ง 6 สาย คุณสมบัติของเน็นสายนี้ จะเป็นการเสริมพละกำลัง พลังและความแข็งแกร่ง หรือเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย/อาวุธหรืออุปกรณ์ได้ เป็นสายพื้นฐานที่สมดุลและทรงพลังเหมาะกับการต่อสู้มากที่สุด
- ลักษณะการใช้ เช่น ผนึกเน็นลงในหมัดเพื่อเพิ่มพลังการต่อย หรือผนึกเน็นไว้ทั่วร่างกายเพื่อป้องกันการโจมตี เป็นต้น
2. สายแผ่พุ่ง (Emission) – ปกติแล้ว เมื่อปล่อยออกห่างจากร่างกาย ออร่าจะจางและมีพลังลดลง แต่เน็นสายนี้จะทำให้ออร่ายังคงประสิทธิภาพอยู่ได้ ผู้ใช้เน็นสายนี้มักมีปริมาณออร่าสูงมากเพื่อให้ใช้พลังได้อย่างต่อเนื่อง
- ลักษณะการใช้งาน เช่น การปล่อยออร่าออกไปเหมือนกับกระสุนปืน หรือสร้างออร่าในรูปของคนเพื่อช่วยในการต่อสู้
3. เน็นสายแปรสภาพ (Materialization) – สามารถเปลี่ยนออร่าให้กลายเป็นวัตถุได้ และหลายครั้งที่ผู้ใช้เน็นสายนี้จะมีความสามารถของเน็นสายพิเศษร่วมด้วย ข้อดีของเน็นสายนี้คือสามารถสร้างอะไรก็ได้ตามแต่เจ้าของจะจินตนาการถึง มีรูปแบบหลากหลายมาก ผู้ใช้จึงมักเพิ่มความสามารถพิเศษต่างๆลงในวัตถุที่สร้างขึ้น เช่น สร้างผ้าคลุมที่สามารถห่ออะไรก็ได้ หรือดาบที่สามารถยืดออกได้ตามใจชอบ ข้อเสียคือสิ้นเปลืองกำลังกาย พลังสมาธิและเวลาในการฝึกมาก มักมีปัญหาด้านสมดุลพลังเสมอ แต่ถ้าฝึกจนเชี่ยวชาญแล้วจะสามารถไปไหนมาไหนมือเปล่าได้โดยไม่จำเป็นต้องพกอาวุธ
- ลักษณะการใช้ เช่น การสร้างอาวุธที่มีคุณสมบัติพิเศษเพื่อเสริมกับทักษะการใช้อาวุธนั้นๆ
4. เน็นสายควบคุม (Manipulation) – สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุต่างๆได้ โดยใช้เน็นห่อหุ้มหรือแทรกลงในสิ่งที่ต้องการควบคุม เน็นสายนี้จึงเป็นเน็นสายที่มีพลังโจมตีน้อยที่สุด เนื่องจากเน้นไปที่การควบคุมซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้เน็นสายนี้จึงมักจะวางแผนเพื่อควบคุมศัตรูแทนการเข้าต่อสู้แบบประชิดตัว เช่น การซุ่มโจมตีหรือควบคุมจากระยะไกล เป็นต้น
- ลักษณะการใช้งาน เช่น การควบคุมสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของต่างๆให้โจมตีศัตรู หรือใช้ควบคุมร่างกายของคู่ต่อสู้โดยตรง
5. เน็นสายเปลี่ยนแปลง (Transformation) – เน็นสายนี้มีความคล้ายคลึงกับเน็นสายแปรสภาพ แตกต่างที่เน็นสายแปรสภาพจะเปลี่ยนออร่าเป็นวัตถุ แต่เน็นสายเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนคุณสมบัติทางกายภาพของออร่าแทน ทำให้ประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เช่นการเปลี่ยนออร่าให้อยู่ในรูปความร้อน ความยืดหยุ่น ไฟฟ้า ความเย็น ความเหนียว เป็นต้น เป็นสายที่ต้องอาศัยจินตนาการและสภาพแวดล้อมเป็นตัวช่วยสร้างรูปแบบพลังในระดับหนึ่ง
6. เน็นสายพิเศษ (Specialization) – หมายถึงผู้ที่มีคุณสมบัติของออร่าต่างออกไปจากเน็น 5 สายที่กล่าวมา โดยมากแล้วมักจะเป็นผู้ที่ถูกเลี้ยงดูหรือมีสภาพร่างกายและจิตใจแตกต่างไปจากสภาวะปกติ มีผู้ใช้เน็นสายนี้จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น แต่มักจะเป็นที่ต้องการตัวเพราะความสามารถพิเศษบางอย่างที่ผู้ใช้เน็นคนอื่นไม่มี เช่น การอ่านใจคนได้เพียงแค่สัมผัสถูกตัว การทำนายอนาคตอย่างแม่นยำ หรือการขจัดเน็นของบุคคลอื่น
นิสัยผู้ใช้เน็น(ตามการคาดการณ์ของฮิโซกะ)
– สายเสริมพลัง : ซื่อบื้อ เถรตรง
– สายเปลี่ยนแปลง : โลเล ขี้โกหก
– สายควบคุม : เจ้าหลักการ ทำตามใจต้องการ ชอบเถียง
– สายแปรสภาพ : หงุดหงิดง่าย เจ้าอารมณ์
– สายแผ่พุ่ง : ใจร้อน ทำอะไรไม่ค่อยคิด
– สายพิเศษ : รักสันโดษ มีพลังโน้มน้าวใจคนอื่นได้
เทคนิคการใช้เน็นเพื่อการต่อสู้[แก้]
4 มหาวิถี เป็นการใช้เน็น 4 รูปแบบ ที่เป็นพื้นฐานของเทคนิคชั้นสูงอื่นๆต่อไป 4 มหาวิถีประกอบไปด้วย
- เท็น (หยุด) การหยุดออร่าไว้ในร่างกาย ปกติออร่าจะออกจากร่างตลอดเหมือนสายน้ำ แต่หากสามารถหยุดไว้ได้ก็จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งและมีการฟื้นฟูที่ดีกว่าปกติ เป็นขั้นตอนแรกที่ผู้ใช้เน็นทุกคนต้องฝึก
- เซ็ทสึ (สูญสิ้น) การดับพลังเน็นที่ออกมาให้สูญสิ้นไป ผู้ที่ใช้เน็นด้วยกันจะสามารถรับรู้ถึงออร่าของอีกฝ่ายได้ การใช้เซ็ทสึซ่อนออร่าของตัวเองจะมีประโยชน์ในด้านการพรางตัวจากเป้าหมาย
- เร็น (ปลดปล่อย) การปล่อยออร่าออกจากร่างกายมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งทนทานสูงมาก แต่ก็ต้องอาศัยสมาธิสูง ในการต่อสู้จำเป็นต้องรักษาระดับการใช้เร็นไว้เพื่อป้องกันตนเองจากการจู่โจมด้วยเร็นของคู่ต่อสู้
- ฮัทสึ (ไม้ตาย) การปรับเปลี่ยนนำออร่าของตนมาใช้ให้ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเมื่อตรงกับสายของตนเองแล้วจะทำให้ได้ท่าไม้ตายที่ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด หลักการของฮัทสึโดยรวมแล้วอาจอธิบายได้ดังนี้
- มักจะเกิดจากเน็นมากกว่าหนึ่งสาย โดยนำเน็นสายใกล้เคียงมาผสมผสานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุณสมบัติตามต้องการ เช่นใช้สายเสริมพลังบวกกับสายแปรสภาพ ทำให้ได้วัตถุแปรสภาพที่มีพลังมากขึ้น
- อยู่ในขอบเขตของความเข้าใจของมนุษย์ เช่น สามารถสร้างดาบที่คมมากๆได้ แต่ไม่สามารถสร้าง”ดาบที่ตัดทุกสิ่งในโลก” ได้ เนื่องจากเกินขอบเขตที่กฎของเน็นจะไปถึง เป็นต้น
- ถึงกระนั้นก็ยังสามารถสร้างความสามารถที่มีพลังสูงได้โดยใช้สัตย์สาบาน นั่นคือการสร้างเงื่อนไขที่ผู้ใช้ต้องแบกรับความเสี่ยง เพื่อแลกกับพลังของเน็นที่สูงขึ้น เช่น คุราปิก้าไม่สามารถสร้าง “โซ่ที่ไม่มีวันขาด” ได้ แต่ด้วยสัตย์สาบาน “หากใช้ความสามารถนี้กับผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มโจรเงามายา ตนเองจะต้องตาย” ทำให้สร้างโซ่ที่มีพลังการรัดสูงมากจนผู้ถูกรัด (ซึ่งได้แก่โจรเงามายาเท่านั้น) ไม่อาจจะทำลายได้ง่ายๆ เป็นต้น
เทคนิคขั้นสูงของการใช้เน็น[แก้]
เทคนิคขั้นสูงของการใช้เน็น เป็นการนำ 4 มหาวิถีมาใช้ในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น ต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการต่อสู้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีเทคนิคการใช้เน็นขั้นสูงเช่นกัน
ชู (การผสาน) เป็นเทคนิคการนำ”เท็น”มาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่ถืออยู่ โดยการคิดว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย และแบ่งออร่าของตนไปครอบคลุมอุปกรณ์นั้น ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์นั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อิน (พราง) เป็นเทคนิคขั้นสูงของ”เซ็ทสึ” สามารถพรางเน็นที่ปล่อยออกมาได้ 100% โดยยังคงผลของเน็นนั้นอยู่ พูดอีกอย่างก็คือการใช้ฮัทสึได้โดยศัตรูไม่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังนั้น ยกเว้นว่าจะใช้”เงียว”ในการดู ซึ่งก็ต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นอีก
เงียว (ผนึก) เทคนิคขั้นสูงของ”เท็น” ใช้การรวมออร่าไว้ที่ดวงตา เพื่อเพ่งมองให้ได้ชัดเจนขึ้น การใช้เงียวจะสามารถมองเห็นออร่าของผู้ที่พรางไว้ด้วย “อิน” ได้ อย่างไรตาม”เซ็ทสึ”ที่เป็นการดับพลังออร่า ไม่ใช่การซ่อน จึงไม่สามารถใช้เงียวมองเห็นว่าผู้ใดกำลังใช้เซ็ทสึอยู่
เอ็น (รัศมี) เทคนิคขั้นสูงของ “เร็น” ใช้การแผ่ขยายออร่าที่คลุมร่างของตนเองให้เป็นรัศมีกว้างออกไปมากกว่าปกติ ทำให้สามารถรับรู้สิ่งที่เข้ามาในขอบเขตของ”เอ็น” ได้ ยิ่งเอ็นแผ่ขยายไปมากก็ยิ่งรับรู้ได้กว้างขึ้น แต่ต้องอาศัยการฝึกขั้นสูง โดยปกติผู้ที่ทำได้ก็จะใช้แค่ในระยะจู่โจมของตนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญอาจใช้”เอ็น”ที่มีรัศมีได้ร่วมร้อยเมตรทีเดียว
โค (รวม) เทคนิคการผสานการใช้ “เท็น” “เซ็ทสึ” “เร็น” “ฮึทสึ” และ “เงียว” เข้าด้วยกัน โดยการใช้”เท็น”และ”เร็น”ปล่อยออร่าออกมา จากนั้นรวมออร่าไปที่จุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย (เงียว) แล้วดับออร่าที่ยังเหลืออยู่ในส่วนอื่นของร่าง (เซ็ทสึ) ทำให้สามารถรวมออร่าไว้ได้เข้มข้นกว่าปกติ แล้วโจมตี (ฮัทสึ) ก็จะได้พลังการโจมตีที่รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
เค็น (การป้องกัน) เทคนิคการผสาน”เท็น”และ”เร็น”เข้าด้วยกัน เป็นเสมือนกับการใช้”โค”คลุมทั้งร่าง เพื่อให้สามารถปกป้องร่างกายจากการถูกคู่ต่อสู้โจมตีด้วย”โค”ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงเกินที่การคลุมออร่าด้วย”เร็น”จะรับได้ แม้”เค็น”จะมีพลังด้อยกว่าแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน
เรียว (???) การ “เคลื่อนย้าย” ออร่าไปตามส่วนต่างๆของร่างกายตน เพื่อประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ทั้งรุกและรับ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่รับการจู่โจม บริเวณลำตัวจะถูกคลุมไว้ด้วยออร่า 80% จากนั้นเมื่อโจมตี ก็ทำการเคลื่อนย้ายออร่าจากลำตัว 60% มาไว้ที่หมัด ทำให้เหลือออร่าอยู่บริเวณลำตัวเพียง 20% ผู้ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ควรจะใช้”เรียว” ได้อย่างคล่องแคล่ว