อียูเตือนคลื่นมือถือทำลายดีเอ็นเอ
รายงานสถาบันวิจัยยุโรป 7 แห่งชี้ ดีเอ็นเอมีอัตราถูกทำลายเพิ่มอย่างรวดเร็ว หลังสัมผัสคลื่นวิทยุมือถือ ขณะเปิดทางร่างกายก่อเซลล์มะเร็ง เตือนผู้บริโภคเลี่ยงใช้มือถือ พร้อมต่อสายหูฟังทุกครั้ง แต่ยันยังต้องศึกษาผลกระทบ ในสภาพแวดล้อมนอกห้องทดลอง
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานผลการวิจัย “รีเฟล็กซ์” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปว่า คลื่นวิทยุจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย และอาจทำลายดีเอ็นเอได้
ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าว จัดทำโดยสถาบันวิจัย 12 แห่ง ใน 7 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเป็นการศึกษาผลกระทบ ภายใต้สภาพแวดล้อมในห้องทดลอง ขณะที่ทีมวิจัยยืนยันว่า รายงานนี้ไม่ได้สรุปว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่มีอันตรายต่อสุขภาพ แต่ควรมีการค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติต่อไป
ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตมือถือ โต้แย้งว่า ปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันได้ชัดเจนว่า เคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
โดยปัจจุบัน อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีมูลค่าราว 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และคาดว่าในปีนี้ จะมียอดขายมือถือในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ราว 650 ล้านเครื่อง และประชากรราว 1,500 ล้านคนทั่วโลก จะมีมือถือใช้อย่างน้อย 1 เครื่อง
โครงการวิจัยดังกล่าว ใช้เวลาค้นคว้าทดลองทั้งหมดราว 4 ปี โดยมีสถาบันวิจัยของเยอรมัน เวรุ่ม เป็นผู้ดำเนินการศึกษาผลกระทบของคลื่นวิทยุ ต่อเซลล์ในร่างกายมนุษย์และสัตว์ ที่อยู่ในห้องทดลอง
โดยพบว่า หลังจากเซลล์ได้รับคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ชนิดเดียวกับที่ปล่อยจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดีเอ็นเอภายในเซลล์ ซึ่งเป็นตัวเก็บโครงสร้างทางพันธุกรรม ของร่างกาย และเซลล์อื่นๆเอาไว้ จะมีอัตราการถูกทำลายเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยที่เซลล์ไม่สามารถซ่อมแซมดีเอ็นเอเหล่านี้ได้ทุกครั้ง
“ผลกระทบจากดีเอ็นเอที่ถูกทำลาย จะยังคงเหลือค้างอยู่ในเซลล์รุ่นต่อไป” นายแฟรนซ์ อัดโคเฟอร์ หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว ซึ่งหมายความว่า การเปลี่ยนแปลงของดีเอ็นเอ จะถูกถ่ายทอดต่อไป และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งได้
เขาเผยว่า คลื่นวิทยุที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ มีอัตราเอสเออาร์ (Specific Absorption Rate-SAR) ราว 0.3-2 วัตต์ ต่อกิโลกรัม ขณะที่โทรศัพท์ส่วนใหญ่ จะมีอัตราการดูดซึมราว 0.5-1 วัตต์ ต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ เอสเออาร์ เป็นอัตราการวัดระดับพลังงานวิทยุ ที่แพร่เข้าสู่เนื้อเยื่อในร่างกาย โดยที่คณะกรรมาธิการป้องกันรังสีวิทยุระหว่างประเทศ กำหนดอัตราสูงสุดไว้ไม่เกิน 2 วัตต์ ต่อกิโลกรัม
นายอัดโคเฟอร์ยังแนะนำว่า ผู้บริโภคไม่ควรใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ หากสามารถใช้โทรศัพท์สายพื้นฐานได้ และควรใช้หูฟังในการคุยมือถือทุกครั้ง
“เราไม่ต้องการสร้างกระแสตื่นกลัว แต่ก็ควรระมัดระวังไว้ก่อนดีกว่า” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า การศึกษาเพิ่มเติม อาจต้องใช้เวลาอีกราว 4-5 ปี
ที่ผ่านมา โครงการวิจัยอิสระหลายชิ้น ค้นพบว่า คลื่นมือถือ อาจมีผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ อาทิ การทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายร้อนขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวดหัว และคลื่นไส้ แต่ยังไม่มีรายงานชิ้นใด ที่สามารถทำการทดลองซ้ำได้ ออกมายืนยันว่า คลื่นวิทยุเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเสียหายได้อย่างถาวร
ด้านผู้ผลิตมือถือยักษ์ใหญ่ 6 รายของโลก ยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อรายงานดังกล่าว
ขณะที่บริษัทเยอรมัน “จี-ฮันซ์” ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ในประเทศฮ่องกง ซึ่งผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้มือถือเป็นเวลานาน โดยระบุว่า โทรศัพท์รุ่นดังกล่าว ไม่ปล่อยคลื่นวิทยุที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากใช้สัญญาณที่มีช่วงคลื่นสั้นกว่า
แหล่งข่าว กรุงเทพธุรกิจ 22/December/2004