โรคติดต่อบนเตียง
หมอดื้อ
โรคอย่างว่านี้ ความจริงติดกันได้ทุกทึ่ ในสนามหญ้า กลางดินกลางทราย ในห้อง นอกห้อง แต่บนเตียงค่อนข้างจะใกล้ชิด แน่นแฟ้นมากกว่า และที่สำคัญคือไม่เลือกเพศ แถมไม่เลือกวัย อายุ เด็กแก่ ไม่สำคัญ แต่ที่อ่อนแออยู่แล้ว อาจเป็นง่ายกว่า และรุนแรง งงแล้วใช่มั้ย โรคอย่างว่านี้
เป็นเรื่องจริงครับ ติดจากการนอนเตียงเดียวกัน จูบกับ ถูกเลียปาก หน้า แก้ม จากลูกรัก หรือน้องหมา น้องแมวของเรานี่เอง โรคจากน้องๆ เด็กๆ แพร่มาสู่เรา ง่ายกว่าที่คิด ทั้งนี้ชึ้นกับว่าเค้าไปซนแค่ไหน ออกไปเที่ยว วิ่งเล่น นอกบ้าน เล่นกับเพื่อนตัวอื่นๆ หรือแม้ไปคลุกขึ้ฝุ่นในสนาม และเราดูแลแค่ไหน
โดยที่เชื้ออาจติดตามเนื้อตามตัว ตามอุ้งเท้า ตามเล็บ โดยมาจากดิน น้ำ จากตัวอื่นๆ แม้กระทั่งที่ปลดปล่อยมาจากนกทั้งหลาย
เชื้อแบคทีเรียประดามี จากน้องๆเหล่านี้ ไม่ค่อยคุ้นหู หมอเราๆนัก แต่ทราบกันดีในเพื่อนหมอสัตวแพทย์ เชื้อในปากซึ่งไม่ทำอันตรายแก่น้องหมา แมว แต่หลุดมาให้เราได้ เข่น Pasteurella multocida Bartonella henselae Moraxella species เชี้อ Stahylococci และ Streptococci และเชื้อที่โตเจริญงอกงามโดยไม่ต้องการอากาศหายใจ นอกจากนั้น ที่มาจากดิน ฝุ่น น้ำ เช่น เชื้อฉึ่หนู Leptospira ที่ความจริง มาจากฉี่หมา แมว วัว ควายได้ทั้งนั้น
เชื้อ Listeria เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบซึ่งไมได้จำกัดที่ก้านสมองอย่างในตำราที่นักเรียนแพทย์ท่องกัน และในคนถ้าเชื้อเข้าทางปาก ไม่ต้องมีท้องเสียทุกรายก็ได้ และเกิดฝีในสมองได้มาก และชอบคนอ่อนแอเป็นพิเศษ เหมือนกับ เชื้อ Nocardia
นอกจากนั้น เช่น Francisella tularensis ที่น้องหมา แมวได้จาก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและจากนก เช่นเชื้อ Streptobacillus moniliformis Erysipelothrix rhusiopathiae เชื้อ Coxiella burnetii และ F.tularensis ดังข้างต้น
เพื่อให้เห็นภาพชัด เชื้อ F.tularensis กระจัดกระจายอยู่ยั้งยืนยง ในธรรมชาติ จากการที่มีสัตว์ ที่สามารถให้เชื้อเข้าไปฝัง เพาะตัวได้โดยสัตว์นั้นๆยังสบายวิ่งเล่นได้ ได้แก่กระต่าย นกตระกูลไก่ฟ้า และปล่อยเชื้อออกมาในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ
คนได้เชื้อไปจากดิน สูดหายใจเอาขี้ฝุ่นมีเชื้อเข้าไป เช่นเวลาตัดหญ้า สัตว์ที่ซ่องสุมเขื้อยังถ่ายทอดเชื้อให้เห็บ ริ้น ซึ่งวกมากัดพวกเดียวกันทำให้กระจายในหมู่สัตว์ด้วยกัน และมากัดคน กัดหมา แมว
ทั้งนี้ หมาแมวได้จากน้ำ ขี้ดินที่ติดตามเนื้อตัวได้อยู่แล้วด้วย และคนยังได้จากการคลุกคลี ติดจากถูกเห็บ ริ้นกัด และสัมผัสกับเนื้อของสัตว์อมโรคเหล่านี้ เวลาชำแหละ ประกอบอาหาร
คนฆ่า ชำแหละ สัมผัส เนื้อที่มีเชื้อ และคนกินอาหารไม่สุก ยังได้ไวรัสพิษสุนัขบ้า ตัวอย่างเช่นวัวถูกหมาบ้ากัด วัวตาย โดยที่เชื้อระยะหลังจะแพร่ไปที่เนื้อ และอวัยวะภายในของวัว ไม่ไปเลือด เห็นกันบ่อยที่ต้องไล่ตามฉีดยาคนชำแหละ ปรุง กินดิบ เป็นหลายร้อยคน จากวัวบ้าตัวเดียว
กลับมาที่น้อง หมา แมว ที่รายงานจริงๆเกิดโรคในคน จากการนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน กอดรัดฟัดเหวี่ยง จูบ กอด เลีย นอกจากข้างต้นยังได้เชื้อ กาฬโรค Chaga เชื้อแมวข่วน B.hensele pasteurellosis Staphylococcosis เชื้อหมาบ้า ที่ว่าข้างต้น
เชื้อพาราสิต toxocara giardia crytosporidia และโรคจากไรหมา ที่ทำให้หมาคัน cheyletiellosis
และตัวที่เริ่มเห็นหนาตา ทั้งที่รพ จุฬา และรายงานจากต่างประเทศ คือ Capnocytophaga ทำให้เกิดติดเชื้อเลือดเป็นพิษ
นอกจากเกิดอาการติดเชื้อเฉียบพลันในคน เชื้ออาจเกิดอาการเอื่อยๆ ไปฝังตัวในลิ้นหัวใจ เกิดลิ้นหัวใจอักเสบมีก้อนเชื้อในหัวใจหลุดลอยไปอุดสันเลือดสมอง และตามร่างกายในที่ต่างๆ เช่นจาก Coxiella หรือเมื่อเร็วๆนี้ ที่โรงพยาบาล หายจากติดเชื้อในกระแสเลือด และหายจากปอดบวมทั้งสองข้างจากหนูกัด เมื่อรักษาจนไข้ลง ปอดบวมหาย จะกลับบ้านเกิดมีขาอ่อนแรง จากเชื้อเล็ดรอดเข้าไปที่กระดูก และหมอนรองกระดูกสันหลังแพร่ไป ไขสันหลัง ตามเสันเลือดแดง ดำ
ที่เผยแพร่เรื่องนี้ ไม่ใช่ให้เลิกเลี้ยงน้องๆ เด็กๆ นะครับ หมอเองมีเด็กๆ 4 ตัว นอนด้วยกัน (ลูกเลี้ยงอีก 8 ตัว)
แต่การเลี้ยงต้องเอาใจใส่ ล้างตัว อุ้งเท้า เล็บ ปาก ให้สะอาด ฉีดวัคซีนตามกำหนด เหมือนเลี้ยงลูกคน ยังไงยังงั้นครับ