ไวรัสที่ติดมากับละอองน้ำ จากเหงื่อ จาม ฯลฯ อาจแพร่เชื้อตอนออกกำลังกายได้ไกลสุดถึง 20 เมตร
Social Distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นวิธีป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า วิธีท่ดีกว่านั้นคือ การ lockdown แต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้ไวรัสถูกเเพร่โดยพาหะ ซึ่งคือคน
แล้วการออกกำลังกายนอกบ้านโดยเว้นระยะห่างกับผู้อื่น 1-2 เมตรในช่วง COVID-19 ระบาดล่ะ
ไวรัสอาจแพร่กระจายตอนออกกำลังกายได้ไกลสุดถึง 20 เมตร จากระยะการกระจายตัวของอนุภาคน้ำลายของคนในระหว่างการเคลื่อนไหว เดินและวิ่ง “คนที่จามหรือไอจะสามารถแพร่กระจายละอองได้ไกลกว่าด้วยแรงที่มากกว่า แต่คนที่หายใจปกติก็จะทิ้งอนุภาคของน้ำลายไว้ในอากาศได้เช่นเดียวกัน”
จุดสีแดงบน อนุภาคที่ใหญ่ที่สุดที่สามารถแพร่กระจายเชื้อโรคและมีโอกาสปนเปื้อนสูง หากวิ่งผ่านละอองที่ฟุ้งกระจายเหล่านั้นเชื้อโรคต่างๆ ก็จะสามารถติดไปบนเสื้อผ้าได้
เมื่อวิ่งหรือเดินเคียงข้างกันโดยเว้นระยะห่างระหว่างคน 2 คนในสภาพแวดล้อมที่มีลมต่ำ พบว่ามีหยดละอองน้ำไหลลงมาด้านหลังของคนทั้งคู่ และเมื่ออยู่ในตำแหน่งแนวทแยงมุมซึ่งกันและกันความเสี่ยงในการกระเด็นของละอองน้ำจากคนที่อยู่ด้านหน้ามาสู่คนที่อยู่ด้านหลังจะลดลง ซึ่งหมายความว่าหากวิ่งหรือเดินอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของผู้อื่นความเสี่ยงของการปนเปื้อนจะสูงที่สุด
- การเดิน ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4-5 เมตร จากบุคคลที่อยู่ด้านหน้าของเรา
- การวิ่งและปั่นจักรยานแบบช้า ควรเว้นระยะห่าง 10 เมตร
- และการปั่นจักรยานแบบหนัก ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 20 เมตร
เมื่อต้องเคลื่อนที่ผ่านใครสักคนก็ควรที่จะอยู่ในเลนที่ต่างกันและเว้นระยะห่างตามที่แนะนำไว้ด้านบน
“เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น” เพื่อหลีกเลี่ยงและลดโอกาสในการรับเชื้อหรือแพร่เชื้อในช่วงที่ยังมีการระบาดของไวรัส
https://www.runnersworld.com/news/a32099136/coronavirus-viral-simulation/
ประเด็นคือ แม้ จะเว้นระยะห่างแล้ว แต่อาจมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ได้รับไวรัสได้ เช่น ลมพัด ดังนั้น ให้อยู่เหนือลม
อย่างไรก็ตาม ค้นไปที่ต้นข่าว พบว่า ไม่ได้เกิดจากการทดลองจริง แต่สิ่งที่ควรสังเกตุคือ สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ เพราะ หากคุณวิ่งตามหลังใครบางคนในระยะ 2 เมตร ขณะที่คนข้างหน้าไอจาม กว่าที่อนุภาคน้ำลาย ละอองน้ำขนาดใหญ่ ที่ไวรัสเกาะอยู่ จะตกถึงพื้น เพราะแรงโน้มถ่วงโลก ความเร็วที่คุณเคลื่อนตัวเข้ามาก็อาจทันที่จะชนกับมัน แล้วก็ติดเสื้อผ้าหรือ ตัวคุณได้ ซึ่งอาจต้องใข้ความรู้ทางฟิสิกส์ เรื่องความเร็วการเคลื่อนที่ การตกของวัตถุ แรงต่างๆ เข้ามาคำนวณ