มีหลายบริษัท มีหลายแบรนด์ที่มองภาพไม่ออกว่า ทำการตลาดออนไลน์หนักขนาดนี้ ทุ่มงบโฆษณาไปตั้งเยอะ มีลูกค้าสอบถามมาก็ตั้งแยะ ทั้ง Facebook Inbox, Line chat, Email, Website แล้วทำไมไม่มียอดขาย? ทีมการตลาดหรือแม้แต่ผู้บริหารล้วนคิดไปต่างๆนานา แท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างนี้ครับ!
คุณคิดว่ามีหลายช่องทางให้ลูกค้าติดต่อสอบถามเข้ามา แล้วทุกอย่างจะจบ ปั้ง มียอดขาย
ข้อมูลที่คุณเอาไว้คุยกับลูกค้า มีแต่หมัดแย็บ ไม่มีหมัดน็อค
คุณคิดว่าลูกค้าอ่านข้อมูลทุกบรรทัด หรือภาพทุกภาพที่คุณโพสไปแล้ว ก่อนที่จะมาถามคุณ
คุณไม่รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ลูกค้าก็อธิบายคุณไม่ถูก จบกัน (เพราะการพิมพ์การแชทบางครั้งก็สื่อสารได้ไม่ครบอย่างที่ตั้งใจ)
ถามคำตอบคำ ลูกค้าถาม 1 คุณต้องตอบ 3 อย่าให้ลูกค้าต้องรอขอข้อมูล
ไร้ซึ่งอารมณ์ขัน ผมเชื่อเหลือเกินว่าลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกระดับ มีอารมณ์ขัน แต่คุณต่างหากที่ทำให้การขายมันดูจริงจังเกินไป จนเกิดกำแพงบางอย่างระหว่างลูกค้ากับแบรนด์
ปล่อยลูกค้าจากไปเฉยๆ โดยไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้หมื่น ก็ต้องได้ร้อย ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
สเต็ปปิดการขายออนไลน์ของคุณดีพอรึยัง?
แนวทางการตอบโซเชียล จะคุยยังไงให้ได้ลูกค้า? นี่คือสเต็ป และเทคนิคที่ผมใช้คุยกับลูกค้าของผม ใช้กี่ครั้งๆ ก็ได้ลูกค้าใหม่ ไม่ต้องเชื่อผม จนกว่าจะได้ลองด้วยตัวเอง
วิธีปิดการขายของออนไลน์ ใน Line@, Facebook Inbox ใน 9 ขั้นตอน
1. ทักทายด้วยความรื่นรมณ์
ลูกค้าที่ทักเข้ามาสอบถามข้อมูลจากคุณนั้น ล้วนแล้วมาด้วยความกระหาย หรือความอยากอะไรบางอย่าง จะดีไหมถ้าคุณตอบสนองเขาด้วยการทักทายแบบแอคทีฟ สดใน พร้อมให้ข้อมูล การตอบปกติก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่จากประสบการณ์ผม การทักทายลูกค้าด้วยคำว่า “สวัสดีผม สนใจบริการไหนครับแจ้งได้เลย” จะได้รับการตอบรับดีกว่าการทักทายแบบเบสิคอย่าง “สวัสดีครับ” เสมอ และธุรกิจความงามหลายที่ ที่ผมให้คำปรึกษาอยู่ การทักทายลูกค้าด้วยคำว่า “สวัสดีจ้า” ก็มักจะได้รับการตอบรับดีกว่าการทักทายง่ายๆ แค่ “สวัสดีค่ะ” เช่นกัน
2. สอบถามถึงความต้องการ หรือปัญหา
เรื่องเบสิคของการทำธุรกิจ คือตอบโจทย์ความไม่สะดวก หรือแก้ปัญหาบางอย่าง ดังนั้นลูกค้าทุกคนมาด้วยปัญหา ดังนั้นการเข้าถึงความต้องการ ปัญหาของลูกค้าจึงสำคัญ ต่อให้ลูกค้าทักมาด้วยอย่างอื่น คุณก็ต้องกลับมาข้อนี้ให้ได้
3. อธิบายวิธีแก้ปัญหา ให้ข้อมูลเรื่องที่เขาอยากรู้
รู้ปัญหาของลูกค้าอย่างเดียวนั้นไม่พอ คุณจะแก้ไขปัญหา หรือตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ด้วยสินค้าหรือบริการคุณยังไง แต่ร้านค้าออนไลน์ หรือหลายๆแบรนด์ บางทียังไม่รู้ข้อมูลสินค้าหรือบริการของตัวเองดีพอ เปรียบเทียบคู่แข่งไม่ได้ ขาดข้อมูลเชิงลึก ทำให้การให้ข้อมูลแก่ลูกค้านั้นขาดความน่าเชื่อถือ หรือไม่มีข้อมูลที่มีพลังมากพอทีจะทำให้ลูกค้าไว้วางใจ จนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการกับคุณ หรือบางรายถึงขั้นยังไม่รู้อะไรเลย ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่ขาย เช่น แบรนด์สบู่หลายๆยี่ห้อในท้องตลาดตอนนี้ เจ้าของแบรนด์บางคนยังไม่รู้เลยว่า สบู่มีกี่ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับผิวหน้า หรือผิวกาย รู้แต่ฟังก์ชั่นสินค้าตัวเอง จึงไม่สามารถสร้างอีโมชั่นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าได้
4. อารมณ์ขันสอดแทรก สร้างความคุ้นเคย
ไม่ต้องพูดถึงการขายของหรอกครับ พูดถึงแค่การสนทนาในกลุ่มก็พอ หากมีใครสักคนมีอารมณ์ขันบ้าง จะทำให้ดูน่าสนใจ ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาทันที ฉะนั้น การขายของก็เหมือนกัน ถ้าอยากจะทำให้ลูกค้าประทับใจ จดจำแบรนด์ได้ ต้องหัดสร้างอารมณ์ร่วมกับการขาย หรือการให้ข้อมูลบ้าง
5. ทำไมลูกค้าต้องซื้อของคุณ
หลายครั้งที่ผมไปให้คำปรึกษาหลายๆที่ แล้วไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน บางที่ ไม่ได้คำตอบเลย นั่นคือสาเหตุหลักที่ทำให้คุณ “ไม่มียอดขาย” เพราะคุณไม่ได้สร้างจุดแข็งในสินค้าหรือบริการของคุณไว้เลย ทำไมผมต้องซื้อสินค้าคุณด้วย? คุณควรลิสเหตุผลออกมาเป็นข้อๆ เอาไว้ตอบลูกค้า แม้ลูกค้าไม่ถาม ก็ควรนำออกมาบอกลูกค้า เพื่อปิดการขายได้เร็วขึ้น หากคุณมีจุดแข็งที่ดีพอ คุณจะดึงลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าคุณได้ไม่ยาก แม้เขาจะมีตัวเลือกอื่นอยู่ในใจก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม (ผมพิสูจน์มาแล้ว)
6. โปรโมชั่น ราคา การผ่อนชำระ
ข้อนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราปิดการขายได้ง่ายขึ้น แต่ในบางครั้งลูกค้าจะเปิดประเด็นมาด้วยหัวข้อนี้เป็นส่วนใหญ่ คุณต้องดึงลูกค้ากลับไปยังข้อ แรกๆให้ได้ เพื่อทำให้ลูกค้าเข้าใจว่า ทำไมต้องซื้อสินค้าของคุณ เพราะบางทีวันนี้เขาอาจจะไม่ซื้อ แต่ลูกค้าจะได้ข้อมูล จุดแข็งของสินค้าหรือบริการของคุณ ไปตัดสินใจในการซื้อในภายหลัง ข้อนี้ระวังให้ดี คุณต้องนำลูกค้า อย่าให้ลูกค้านำคุณ จนลืมนำเสนอข้อมูลเพื่อปิดการขาย
7. ยั่วให้อยาก
ถึงคิวของการโชว์ของ มีอะไรงัดออกมาให้หมด จะด้วยภาพผลงาน รีวิว Testimonial อะไรก็งัดออกมาซะตอนนี้เลย เพราะถ้าเลยจุดนี้ไป จะหาโอกาสไม่ได้แล้ว การนำเสนอต้องขยี้ให้สุด ภาพนิ่ง บทความ วีดีโอ อย่าไปกั๊ก อย่าไปกลัวว่าลูกค้าจะรำคาญ เพราะถ้ามาถึงข้อนี้ได้ แสดงว่าลูกค้าสนใจอะไรบางอย่างในสินค้าหรือบริการคุณเรียบร้อยแล้ว
8. Call To Action
หากคุณยังปิดการขายไม่ได้ในวันนี้ อย่าลืม!! ทำให้ลูกค้าเกิดแอคชั่นอะไรบางอย่าง เพื่อต่อยอดการขาย หรือส่งเสริมการขาย สร้างการจดจำแบรนด์ มีหลากหลายวิธีมาก เช่น ให้ตัวทดลองสินค้า ให้แอดไลน์ไว้รับข้อมูลโปรโมชั่นดีๆก่อนใคร กดไลค์กดแชร์ ส่งลิ้งค์เว็บไซต์ให้ดูข้อมูลอื่น หรือนัดวันเข้ามาปรึกษาก่อนได้ แล้วแต่ธรรมชาติของแต่ละธุรกิจเลย หลายครั้งที่ผมเห็น พอลูกค้าบอกไม่ซื้อ ก็จบๆกันไป แยกย้าย ผมว่าไม่ใช่นะ สำหรับผม “ผมจะหาวิธีที่จะทำให้ลูกค้าจำผมได้อย่างน้อย 1 อย่าง จนวินาทีสุดท้าย”
9. ขอบคุณ บอกลา ด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณมากค่ะที่อุดหนุน” เพียงพอสำหรับบทสนทนา แต่!!
“ขอบคุณมากนะคะที่อุดหนุน หวังว่าสินค้าจะถูกใจนะคะ หากสินค้ามีปัญหาติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เบอร์นี้ได้เลยค่ะ” มากพอที่คุณจะได้รับการบอกต่อ คุณอยากได้แบบไหนละครับ?
**หมายเหตุ : หากต้องการปิดการขาย สนทนา หรือมีข้อมูลที่ต้องอธิบายเยอะ แนะนำให้ขอเบอร์ลูกค้าเพื่อติดต่อกลับดีที่สุด เพราะเราแชทกันจนเคยชิน จนลืมไปว่าการโทรนั้นใช้เวลาสั้น สะดวก และสื่อสารได้ครบถ้วนที่สุดแล้วครับ
เทคนิคทั้งหมดนี้ไม่ใช่สูตรสำเร็จ และไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับเวลาสนทนาเสมอไป ทักษะการขาย ทักษะการเปิดใจลูกค้า ยังมีอีกหลายวิธีมากๆ เลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราดีที่สุดครับ