10 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ
วิธีชนะมิตรและจูงใจคน
- ถ้าท่านต้องการน้ำผึ้งก็จงอย่าเตะรังผึ้ง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจอะไรก็ตาม ถ้าเราได้ทำการศึกษาประวัติของเหล่าคนดังมากมาย เราจะเห็นได้ว่าสิ่งพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ความใจเย็น สุขุม และ ไม่ควรกล่าวโทษหรือตำหนิใครแบบง่าย ๆ เพราะการตำหนิคนอื่น นอกจากจะทำให้งานชิ้นนั้นเสียเวลาแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับทั้งตนเองและผู้อื่น เพราะคนเราไม่ว่าจะผิดหรือถูก เขาเหล่านั้นจะไม่โทษตัวเองเลย แต่จะโทษคนอื่นและสิ่งอื่นนอกจากตนเองเท่านั้น ดังนั้น ถ้าเพื่อให้งานเดินไปได้เร็วขึ้น เราจึงไม่ควรให้การกล่าวโทษมาทำให้เราเสียเวลา
- ให้เขาทำในที่สิ่งเขาอยากทำ
ภายใต้ท้องฟ้าที่เวิ้งว้าง มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะให้ใครต่อใครทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ใช่ครับ นั้นก็คือ ต้องให้เขา “อยาก” จะทำ! คุณอาจจะสามารถทำให้ใครสักคนทำตามที่คุณต้องการได้ด้วยการข่มขู่ แต่เขาจะปฏิบัติเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณเท่านั้นและอาจจะนำผลสะท้อนที่ไม่พึงประสงค์มาให้ภายหลัง ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยความเต็มใจ นั่นก็คือให้พวกเขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ
- มนุษย์เป็นสิ่งที่ต้องการการยอมรับ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับผู้คนก็คือการให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน ยิ่งถ้าเรามีหน้าที่ในการติดต่อสื่อสารกับคนจำนวนมาก เพื่อให้การทำงานของเราเป็นไปได้ด้วยดี สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ไม่ควรละเลยก็คือการ “ชมเชย” และ “ยกย่อง” มนุษย์ทุกคนต้องการการยอมรับจากผู้อื่นเสมอ เมื่อใดก็ตามที่หัวหน้าได้ทำการยกย่องชมเชยผู้ใต้บังคับบัญชาหลังจากที่เขาทำงานได้ดี เขาเหล่านั้นจะมีกำลังใจและแรงจูงใจในการสร้างผลงานที่ดีขึ้นได้ในงานต่อ ๆ ไป ไม่มีอะไรที่จะทำลายความทะเยอทะยานของผู้น้อยยิ่งไปกว่าการตำหนิติเตียนจากหัวหน้า การชมเชยในข้อดีของคนอื่นและหลีกเลี่ยงที่จะจับผิด จะช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลเป็นไปได้ด้วยดีและราบรื่น ไม่มีสิ่งไหนที่จะให้กำลังใจคนได้มากกว่าการยกย่องชมเชยอีกแล้ว และที่สำคัญการยกย่องนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย!
- การลงมือปฏิบัติคือการเรียนรู้ที่แท้จริง
การเรียนอย่างเดียวเป็นแต่เพียงการปฏิบัติตามแนวทางเท่านั้น การปฏิบัติจริง ๆ ต่างหากคือการเรียนรู้ที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้ ถ้าท่านปราถนาที่จะรับหลักการต่าง ๆ ที่ท่านศึกษาจากหนังสือเล่มนี้เป็นของท่าน ท่านจงอย่าอยู่เฉย แต่จงลงมือปฏิบัติตามสิ่งที่หนังสือเล่มนี้ได้บอกไว้ ถ้าท่านไม่ปฏิบัติ ท่านจะลืมไปจนหมด การปฏิบัติเท่านั้นที่จะทำให้ท่านจดจำสิ่งที่ได้เรียนรู้ได้แบบไม่รู้ลืม จงเอาใจใส่ต่อหนังสือเล่มนี้ในฐานะคู่มือเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์ เมื่อท่านเผชิญกับปัญหาใด ๆ จงอย่าเพิ่งด่วยตัดสินใจ แต่จงเปิดดูหนังสือเล่มนี้ในส่วนที่ท่านได้ขีดเส้นใต้ไว้ แล้วจงใช้วิธีใหม่ ๆ เหล่านี้ต่อสู้กับปัญหาของท่าน และรอดูว่ามันจะนำพาผลลัพธ์อันมหัศจรรย์แบบไหนมาให้คุณบ้าง
- “รอยยิ้ม” จะช่วยให้คุณมีเสน่ห์
การ “ยิ้ม” ด้วยความจริงใจสามารถช่วยให้คุณมีเสน่ห์พร้อมทั้งช่วยสร้างความประทับใจแรกพบให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะทำงานเก่งแค่ไหนก็ตาม หากปราศจากรอยยิ้มการทำงานและชีวิตของคุณจะเต็มไปด้วยความบึ้งตึงอึมครึมแทบจะหาความสุขไม่ได้เลย อีกทั้งการที่เราไม่ยิ้มยังเป็นการสะสมความเครียดได้ดีที่สุดอีกด้วย การกระทำมีความหมายกว่าคำพูด ส่วนการยิ้มนั้นหมายความว่า “ฉันชอบคุณ” “คุณทำให้ฉันมีความสุข” “ฉันดีใจที่ได้พบกับคุณ” เวลาที่มีคนมายิ้มให้เรา เราก็จะรู้สึกอยากจะยิ้มตอบ ต่างคนต่างอารมณ์ไปด้วยกัน ประธานกรรมการของบริษัทสินค้ายางที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกากล่าวว่า ถ้าตามการสังเกตุของเขา มนุษย์น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งใดเว้นแต่เขาปฏิบัติภารกิจนั้นด้วยความเพลิดเพลิน
- หนทางง่าย ๆ ที่จะเป็นนักสนทนาที่ดี
ในงานเลี้ยงอาหารค่ำวันหนึ่งที่จัดขึ้นโดย เย ดับลิว. กรีนเบอร์ก, เจ้าของสำนักพิมพ์ในนครนิวยอร์ก ในงานนั้นข้าพเจ้าได้สนทนากับนักพฤกษศาสตร์คนหนึ่งนานถึงสามชั่วโมง และหลังจากงานจบแล้ว นักพฤกษศาสตร์คนนั้นหันมาทางเจ้าภาพและยกย่องข้าพเจ้ามากมายว่าข้าพเจ้าเป็นคนที่สนุกสนานร่าเริง เขาชมข้าพเจ้าต่าง ๆ นานา และจบด้วยการที่บอกว่าข้าพเจ้าเป็น “นักสนทนาที่น่าสนใจที่สุด” ซึ่งแท้จริงแล้วข้าพเจ้าแทบจะไม่ได้ทำอะไรมากเลย ตลอดการสนทนาข้าพเจ้าแทบจะเป็นผู้ฟังเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ข้าพเจ้าทำนั้นก็เพียงแค่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ที่ตั้งใจฟังเพราะข้าพเจ้าสนใจจริง ๆ เขาตระหนักเรื่องนี้ดี ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะพอใจเป็นอย่างมาก การตั้งใจฟังแบบนี้ เป็นการแสดงความคารวะอย่างสูงสุดที่เราจะให้แก่ใครได้ มนุษย์เป็นสิ่งที่ยากจะต้านทานการเยินยอ และสิ่งที่ข้าพเจ้าทำก็ไม่ใช่การประจบสอพลอ แต่ข้าพเจ้าเห็นพ้องด้วยน้ำใสใจจริง และยกย่องชมเชยอย่างเต็มที่ และมันก็ส่งผลทำให้คู่สนทนาของข้าพเจ้ามีความพอใจเป็นอย่างมาก
- หนทางและวิธีแห่งการหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรู
ถ้าท่านกล่าวหาใครสักคนว่าเขาทำผิด ท่านจะทำให้เขาผู้นั้นเห็นพ้องกับท่านหรือไม่ว่าเขาทำผิด? คำตอบคุือ ไม่เคยเลย! การกล่าวหาของคุณเปรียบเสมือนเป็นการชกเข้าไปที่สติปัญญาของเขา ความภาคภูมิใจของเขา ดุลพินิจของเขา ความเคารพในตัวของเขา ผลก็คือ ทำให้เขาเกิดอาการอยากจะตอบโต้บ้าง คุณอาจจะอ้างเหตุผลทั้งหมดของ เพลโต หรือ เอ็มมานูเอล คานต์ แต่เขาก็จะไม่ฟังคุณอยู่ดี เพราะท่านทำให้เขาเจ็บใจ ไม่ว่าจะท่านจะใช้วิธีละมุนละม่อมเพียงใดก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนใจมนุษย์ ความจริงมันเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดท่านจึงยังใช้วิธีที่ไม่ราบรื่น ถ้าท่านต้องการที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม จงอย่าให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัวเป็นอันขาด “มนุษย์จะต้องสอนเหมือนกับท่านมิได้สอน และหากสิ่งใดที่เขาไม่รู้จงเสนอเสมือนหนึ่งเขาลืมไป” เช่นเดียวกับ ลอร์ด เซสเตอร์ฟิลด์ สอนลูกชาย “เจ้าจงเป็นผู้ที่ฉลาดกว่าคนอื่น ถ้าเจ้าสามารถเป็นเช่นนั้นได้ แต่จงอย่าบอกให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้าฉลาดกว่าเขา…” ถ้าท่านเห็นว่าใครกำลังคิดผิด พูดผิด หรือ ทำผิดชัดเจน จะไม่ดีกว่าหรือที่ท่านจะพูดว่า “เดี๋ยวก่อน, ฟังผมก่อน! ผมคิดไปอีกอย่างหนึ่ง, ผมอาจจะคิดผิดไปก็ได้, ผมมักจะผิดเสมอ ๆ. เรามาพิจารณาข้อเท็จจริงกันดีกว่า” คำพูดเหล่านี้มีอำนาจวิเศษอย่างแท้จริงที่จะทำให้อีกฝ่ายพอใจได้ และสามารถลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากความขัดแย้งได้เป็นอย่างดี
- วิธีกำจัดความไม่สมหวัง
คนส่วนมากเวลาที่ต้องการจะจูงใจคนอื่นให้เห็นคล้อยตาม เขาเหล่านั้นมักจะพูดมากอยู่ฝ่ายเดียว แล้วผลลัพธ์ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง ทำไมท่านถึงไม่คิดที่จะใช้คนที่ไปติดต่อให้เป็นคนพูดแทน เพราะเขาจะรู้ถึงกิจการและปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าท่าน ถ้าหากท่านไม่เห็นพ้องในความคิดเห็นของเขา และอยากจะแย้งขึ้นมาทันที ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ท่านจงอย่าทำเป็นอันขาด ไม่ว่าท่านจะมีเหตุผลใดก็ตาม เมื่อเขามีความคิดหรือไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้น เขาจะไม่นำสิ่งนั้นมาปรึกษาท่านอีก สิ่งที่ท่านควรทำก็คือ ควรที่จะตั้งใจฟังอย่างต้องเนื้อตั้งใจและด้วยน้ำใสใจจริง และพร้อมที่จะสนับสนุนให้เขาได้แสดงความคิดได้อย่างเต็มที่ เมื่อใดก็ตามที่เราประสบความสำเร็จแล้วไม่ว่าจะมากหรือน้อย เราไม่ควรที่จะฟุ้งซ่านโอ้อวดความสำเร็จของเรา แต่เราความจะถ่อนตนเอาไว้จึงจะได้รับความนิยมชมชอบจากผู้อื่น หากเราต้องการที่จะจูงใจให้ผู้อื่นคล้อยตามเรา หลักสำคัญประการหนึ่งก็คือ จงปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้พูดเป็นส่วนมาก
- สิ่งที่มนุษย์ต้องการ
คุณอยากจะได้คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่จะมาทำลายความโกรธ สร้างมิตรภาพ และ ทำให้อีกฝ่ายฟังเราอย่างตั้งอกตั้งใจบ้างไหม นี้เลยครับ คำที่คุณต้องพูดคือ “ผมไม่ได้โทษคุณเลยแม้แต่น้อยที่คุณรู้สึกเช่นนี้ ถ้าผมเป็นคุณ แน่นอนเหลือเกิน ผมจะต้องรู้สึกเหมือนกับคุณเช่นเดียวกัน” คาถาคำนี้ไม่ว่าจะพูดเมื่อไหร่ก็ตามขอแค่ใช้ให้ถูกกาลเทศะและเหมาะสมกับเหตุการณ์ ย่อมเป็นคำพูดที่จะทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลงได้เป็นอย่างมาก แต่คุณต้องพูดแบบเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น การรับมือกับนักร้องชื่อดังของผู้จัดการหมายหนึ่งอย่าง ฮิวร็อค ที่ครั้งหนึ่ง ชะลีอาปีน นักร้องเสียงเบสชื่อดังที่จัดงานที่ไหนที่นั่งก็เต็มที่นั่น บอกว่าเขานั้นเสียงแหบแห้งเป็นอย่างมาก คงจะไม่สามารถร้องเพลงได้ในคืนนี้ เมื่อเขาไปหา ชะลีอาปีน ที่ห้องก็ได้ทำการแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมาอย่างเต็มที่และจริงใจโดยที่ไม่ต่อล้อต่อเถียงนักร้องดังคนนั้นเลย เขาไปหา ชะลีอาปีน ถึงสามครั้งก่อนที่นักร้องดังจะขึ้นไปร้องเพลงได้ตามกำหนดการ จะเห็นได้ว่า ถ้าเราแสดงความเห็นอกเห็นใจต่ออีกฝ่าย เขาก็พร้อมที่จะเปิดใจให้กับเราได้มากขึ้นแล้ว มนุษย์เราเป็นสิ่งที่ต้องการความเห็นอกเห็นใจมาตั้งแต่ ดร. อาร์เธอร์ ไอส์. เกตส์ ได้กล่าวไว้ว่า “มนุษย์เป็นสิ่งที่กระหายความเห็นอกเห็นใจ เด็กมักจะชอบอวดบาดแผลให้ผู้ใหญ่ดู ชายหญิงมักจะอวดรอยแผลถลอก อาการบาดเจ็บ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสงสารเวทนาในตนเอง และเคราะห์กรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่มีอยู่ในมนุษย์มากมาย… ถ้าเราต้องการให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตรและคล้อยตามเรา เราก็ “จงเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกนึกคิดและความปราถนาของอีกฝ่าย”
- วิธีวิพากษ์วิจารณ์โดนไม่ให้บาดหมางกัน
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้เพียบพร้อมไปทุกด้าน และพร้อมที่จะป้องกันตนเองเสมอ แม้ว่าตนจะผิดหรือไม่ผิดก็ตาม ทันทีที่รับรู้ได้ว่ากำลังถูกคุกคามจากภายนอก คนเราก็จะเกิดอาการต่อต้านทันที ถ้ามีคนมากล่าวหาตนเองทำผิดแบบตรง ๆ น้อยคนนักที่จะยอมรับผิด แต่คนส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่ยอมรับผิดง่าย ๆ แม้ว่าตนเองจะผิดจริงก็ตาม ดังนั้นการที่เราจะไปบอกใครก็ตามว่าเขากำลังทำผิดอยู่ให้เขาทำการปรับปรุงตนเองใหม่ซะ นั่นเป็นการจุดชนวนให้เกิดการบาดหมางกันได้ง่ายมาก เพราะอีกฝ่ายจะรู้สึกว่าเราไปจ้องจับผิดเขา เขาจะไม่คิดเลยว่าตนเองทำผิด เขาคิดแต่ว่าเราไปทำให้เขาเสียหน้า เสียความภาคถภูมิใจ และมันทำให้เขาต้องการที่จะตอบโต้เราบ้าง วิธีที่ดีที่สุดในการเตือนคนอื่นเพื่อให้เขานึกได้ว่าควรที่จะทำตามระเบียบก็คือ “ไม่ควรที่จะบอกใครตรง ๆ ว่าเขากำลังทำผิด” เช่น เจ้าของโรงงานถลุงเหล็ก เห็นลูกน้องกำลังสูบบุหรี่ในเขตห้ามสูบ แทนที่เจ้านายจะไปสั่งห้ามและต่อว่า แต่เขากลับส่งซิการ์ให้แก้ลูกน้องเหล่านั้นและบอกไปว่า “มันจะดีไม่น้อย. ถ้าพวกคุณพากันไปสูบซิการ์กันข้างนอก” นอกจากจะไม่ต่อว่าแล้ว ยังให้ของกำนัลอย่างซิการ์แก่พวกเขาด้วย เป็นคุณคุณจะอดรักเจ้านายแบบนี้ได้เหรอครับ