• April 26, 2021

    -กระตุ้นดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโต ช่วยในการเก็บสำรองแร่ธาตุไว้ในกระดูกและฟัน

    -ช่วยในป้องกันโรคเยื่อบุตาอักเสบ ลดการอักเสบของเยื่อบุตา

    -ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ลดการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย

    -ควบคุมความดัน

    -ป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้

    -วิตามินดีมีผลต่อการดูดซึมกลับของกรดอะมิโนที่ไต ถ้าขาดวิตามินดี กรดอะมิโน ในปัสสาวะจะเพิ่มขึ้น ถ้าวิตามินดีเพียงพออัตราการดูดซึมกลับกรดอะมิโนจะปกติ และในปัสสาวะจะลดปริมาณลง

    -ช่วยสังเคราะห์น้ำย่อยใน mucous membrane ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายแบบ active transport ของแคลเซียมให้ข้ามเซลล์ไปได้ง่าย

    -ควบคุมปริมาณของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในกระแสโลหิตไม่ให้ต่ำลงจนถึงขีดอันตราย เช่น แคลเซียมจะต้องอยู่ในเลือดประมาณ 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดย วิตามินดี จะกระตุ้นการดูดแคลเซียมในลำไส้ เพราะมิฉะนั้นแคลเซียมจะถูกขับออกจากร่างกายไปหมด และวิตามินดี จะกระตุ้นการนำเอาฟอสฟอรัส มาใช้โดยทำหน้าที่กระตุ้นตลอดเวลา

    -เกี่ยวข้องกับการใช้ฟอสฟอรัสในร่างกาย

    -ช่วยสังเคราะห์ Mucopolysaccharide ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการสร้างคอลลาเจน

    -เกี่ยวข้องกับการใช้คาร์โบไฮเดรต

    -เกี่ยวข้องกับการใช้เกลือซิเตรทในร่างกาย

    -หน้าที่โดยทางอ้อมก็คือ วิตามินดีจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด เพราะหน้าที่เหล่านี้ จะสัมพันธ์กับการมีอยู่ และการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัส ของร่างกาย

    -ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

    -กระบวนการเกินอนุมูลอิสระ(Oxidative Stress) และการอักเสบ คือปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาของโรคหลายโรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า วิตามินดี สามารถช่วยยับยั้งการติดเชื้อ นั่นหมายความว่า วิตามินดี ให้การปกป้องเพิ่มเติมไม่ให้เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวาน โรคหัวใจล้มเหลว โรคลมปัจจุบัน และโรคหัวใจ ชนิดอื่นๆ

    -นักวิจัยชี้ให้เห็นว่า วิตามินดี มีผลกระทบกับยีนส์มนุษย์อยู่ 200 ยีนส์ และมีความสำคัญกับการทำงานปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และการแบ่งตัวของเซลล์ หากวิตามินดี ในร่างกายอยู่ในระดับที่ไม่เหมาะสม กระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำให้อายุของเซลล์ยืนยาวขึ้นจะมีประสิทธิภาพลดลง สาเหตุนี้ นำไปสู่การแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ และนำมาซึ่งความเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

    เมื่อได้รับวิตามินดี ทางปากมันจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปทางชีวภาพที่ สามารถทำงานได้ นั่นหมายความว่า วิตามินดี จะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปวิตามินดี3 (Vitamin D3) การเปลี่ยนรูปอย่างไม่สมบูรณ์ของวิตามินดี อาจก่อให้เกิดปัญหา ในเรื่องของสภาวะขาดแคลนวิตามินดีได้ ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่รับประทานวิตามินดี เสริมอาหาร ควรบริโภควิตามินดี ในรูปแบบที่พร้อมทำงานได้ทันที ซึ่งนั่นก็คือ วิตามินดี3 (Vitamin D3)

    การขาดวิตามินดี ทำให้กระดูกอ่อน ขาโก่ง ฟันผุ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้กระดูกหักง่าย การขาดวิตามินดีจะยับยั้งการหลั่งอินซูลิน จึงเพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน

    การขาดวิตามินดีเกิดขึ้นได้เมื่ออายุมากขึ้น โดยวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ชี้ให้เห็นว่าการย่อยและการดูดซึมไขมันที่ผิดปกติในผู้สูงวัย อาการเบื่ออาหาร มีปัญหาเกี่ยวข้องกับตับ ไต หรือมีกิจวัตรประจำวันที่อยู่แต่ในอาคาร ไม่ถูกแสงแดดเป็นเวลานาน อาจเป็นสาเหตุของการขาดวิตามินดี

    เมื่ออายุมากขึ้น อัตราการสลายของกระดูกจะเพิ่มขึ้น

    ข้อควรระวัง: การได้รับวิตามินดี มากเกินกว่า 5 เท่า ของปริมาณที่กำหนด จะส่งผลเสียต่อร่างกายในด้านต่างๆ

    -ทำให้เกิดการดึงแคลเซียม จากกระดูกไปพอกที่ผนังหลอดเลือด หัวใจ ปอด และไต-เกิดการสะสมที่ตับ ทำให้เกิดพิษได้

    -จะทำให้คอเลสเตอรอลสูง

    -สตรีมีครรภ์หากได้รับวิตามินดี มากเกินไป จะทำให้ทารกมีความผิดปกติใน ระบบหลอดเลือด และปัญญาอ่อน



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories


Uncategorized