อันตราย! เสียง “แร็ค” พวงมาลัยดัง ช่วงล่างมีปัญหา…
อาการที่เกิดเสียงจากช่วงล่างรถยนต์มีหลายสาเหตุต้องไล่ตามอาการรถลักษณะแหล่งที่มา ของเสียง
เช็กอาการเบื้องต้นตั้งแต่
ลูกหมาก เช่น
ลูกหมากปีกนก
ลูกหมากกันโครง
ลูกหมากปลายแร็ค
โช๊คอัพ
สปริงโช๊ค
โดยไล่เรียงตามลักษณะตามอาการที่เกิดขึ้น หรือจากการได้ยินเสียง
แต่ที่เสียบ่อยโดยเฉพาะรถเก๋งที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าจะเป็น
ลูกหมากคันชักนอก (ไม้ตีกลอง) และลูกหมากปลายแร็ค
ถ้าเอาเครื่องยกรถขึ้นลองโยกๆ ล้อดูหาก สั่นคลอน หลวม ไม่แน่น ก็พอจะทราบอาการได้เบื้องต้น
ระบบพวงมาลัย
ระบบบังคับเลี้ยวหรือพวงมาลัยรถ จะมีแกนพวงมาลัยที่ทะลุห้องโดยสารขึ้นไปเสียบอยู่กลางพวงมาลัยพอดี เรียกว่า “คันส่ง” ในรถเก๋งเรียกว่า “แร็ค”
การทำงานจะหมุนซ้าย-ขวา และมีเสื้อแร็คห่อหุ้มอีกที ในเสื้อแร็คจำเป็นต้องมีการลดความฝืดสัมผัสขณะทำงาน โดยนำบู๊ชมาติดตั้งอยู่ที่ปลายเสื้อแร็คด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านไม่ใช้เพราะอาศัยการเบียดกันระหว่างเฟืองแร็คกับเฟืองเปลี่ยนมุม เพื่อเลื่อน ซ้าย-ขวา
จะรู้ได้อย่างไรว่าที่ช่วงล่างเสียงดังเกิดจาก “แร็ค” พวงมาลัย
แร็คพวงมาลัยจะเสียได้ก็ต้องเกิดจากการ คด-งอ หรือเฟืองรูด
ส่วนมากที่เสียบ่อยจะเป็น บู๊ชปีกนก ลูกหมากปีกนก ลูกหมากคันชัก (ไม้ตีกลอง) ลูกหมากปลายแร็ค ยางรัดแร็ค มีเสียงดังเวลาเลี้ยว หรือมีเสียง กุก กัก เวลาขึ้นเนินหลังเต่า ให้เปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียก็พอ เพราะบางร้านจะให้เปลี่ยนหลายตัวควบคู่กันไป โดยเฉพาะลูกหมากคันชัก (ไม้ตีกลอง) อันนี้เช็กให้ดี เพราะมีราคาค่อนข้างสูง
อาการที่บ่งบอกว่าช่วงล่างเริ่มมีปัญหา
1.พวงมาลัยดึงเวลาถนนขรุขระ พวงมาลัยหลวมมีเสียงดัง กุก กัก ที่พวงมาลัยเวลาวิ่งทางขรุขระ ให้ตรวจเช็ก ลูกหมากคันชัก (ไม้ตีกลอง)
2.วิ่งทางขรุขระแล้วดัง กุก กัก ให้ตรวจเช็ก ลูกหมากปีกนก
3.วิ่งทางตรง แต่ล้อไม่ตรง ควบคุมรถไม่นิ่ง ให้เช็ก ลูกหมากปลายแร๊ค
4.วิ่งทางขรุขระ แล้วสะท้านขึ้นพวงมาลัย (กรณีลูกหมากแร๊คแน่นอยู่แล้ว) ให้เช็ก ยางรัดแร๊ค
5.เดินหน้า หรือถอยหลัง จังหวะที่รถออกตัว หรือกำลังจะหยุด มีเสียงกึกเบาๆ วิ่งทางตรงแล้วพวงมาลัยเอียง ให้เช็ก บูชปีกนก
ทั้งหมดนี้เป็นอาการเบื้องต้นเท่านั้นเพื่อให้ผู้อ่านพอจับอาการจากเสียงเบื้อง ต้นได้ถูก เวลาไปเช็กหรือคุยกับช่างจะได้ไม่โดนฟันเงินในกระเป๋าจนตัวฟีบกลับบ้าน ถามเพื่อนฝูงนิดนึงก็ดีครับ ใครเคยทำที่ไหนดี จะได้บอกต่อๆ กันไป