• August 19, 2017

    Android OS มาทีหลังแต่ดังกว่า หลังจากที่ Google ได้ทำการเข้าซื้อบริษัท Android Inc. ในปี 2005 และมาเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับ โทรศัพท์มือถือ Smartphone ที่ใช้ชื่อว่า Android หรือเจ้าหุ่นยนต์กระป๋องตัวเขียวพร้อมโทรศัพท์ Android Smartphone ตัวแรกในปี 2009 ที่ผลิตโดย HTC

    หลังจากนั้นมาจนถึงวันนี้กระแส Android ก็แรงแบบไม่มีตกเนื่องด้วยความยืดหยุ่นที่นักพัฒนาสามารถเข้าถึง Source Code ทำให้นักพัฒนาสามารถทำแอพพลิเคชั่นได้หลากหลายมากมายรูปแบบให้ผู้ใช้ได้ใช้กัน ขณะที่ผู้ผลิตมือถือสารพัดยี่ห้อในตลาด ก็สามารถบรรจงสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เพื่อทำให้โทรศัพท์ Smartphone มีขีดความสามารถที่เต็มความสามารถให้แข่งขันกันในตลาด รวมถึงแข่งขันกับ Smartphone OS อื่นๆ ได้ยิ่งขึ้นไป

    ส่วนในเรื่อง Hardware มีการพัฒนาไปอีกระดับเหนือ Smartphone ใดๆ โดยล่าสุดมีการนำเอา CPU ที่เป็น Dual Core CPU หรือ CPU สองแกนสมอง มาใช้กับ Android Smartphone รุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้เพื่อให้การประมวลผลเร็วกันแบบสุดๆ รวมถึงมี GPU หรือหน่วยประมวลผลด้าน Graphic เข้ามาช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นในการทำงานกับแอพพลิเคชั่นประเภทเกมส์ระดับ 3D ต่างๆ การถ่ายภาพแบบสามมิติ หรือการเล่นไฟล์หนังสามมิติที่กำลังจะออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในเร็วๆ นี้ (ตัวอย่างเช่น LG Optimus 3D, HTC EVO 3D) หรือการเล่นไฟล์ภาพยนตร์ระดับ Hi-Def เป็นต้น การพัฒนาการของ Android OS ก็มีมาหลายเวอร์ชั่นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกเป็นต้นมา เพื่อให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นไป

    Android OS ที่ใช้กับ Smartphone มีการพัฒนามาตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกสุดที่ทำเป็นโทรศัพท์ออกมาก็คือ
    เวอร์ชั่น 1.5 (Cupcake)
    เรื่อยมาเป็น 1.6 (Donut)
    2.0/2.1 (Éclair)
    2.2 (Froyo)
    2.3 (Gingerbread)
    ส่วนเวอร์ชั่นที่เป็น Tablet ก็คือเวอร์ชั่น 3.0 (Honeycomb) ที่กำลังเริ่มทยอยเปิดตัวสินค้ากันมามากมาย และมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะในเรื่องผู้ผลิตที่มีตั้งแต่ยี่ห้อ Samsung, HTC, LG, Sony Ericsson, Acer, Dell, Lenovo, Pantech, Huawei, ZTE และอื่นๆ อีกมากมายในฐานะที่เป็นโรงงานผลิตใหญ่อย่างในจีน ไต้หวัน เกาหลี ที่รับผลิตให้กับ House Brand อย่าง Wellcom, i-mobile เป็นต้น

    รวมถึงระดับราคาก็มีในทุกๆ ตลาด ตั้งแต่
    3,900 – 5,000 กว่า (เช่น Acer beTouch E130, Acer beTouch E140, LG Optimus Me, Samsung Galaxy mini,)
    7,000 – 10,000 (เช่น Acer liquid mini, HTC Wildfire S, LG Optimus One, Samsung Galaxy Cooper)
    ระดับ 10,000 กว่าขึ้นไป (เช่น Acer liquid metal, HTC Desire S, HTC Incredible S, LG Optimus Black, Motorola Defy, Samsung Galaxy SL, Samsung Galaxy S Plus)
    ระดับ Superphone ที่ใช้ CPU Dual Core 20,000 กว่าบาทขึ้นไป (เช่น HTC Sensation, Samsung Galaxy S II, LG Optimus 2X)

    มีให้เลือกมากมายทุกระดับราคา แล้วแต่ว่าชอบยี่ห้อไหน สเปคขนาดไหน งบประมาณเท่าไร  ไม่ต้องไปโหนกระแสจนเกินเงินในกระเป๋าล่ะ อย่างหนึ่งที่ควรดูก็คือเรื่องของ Android OS ที่มากับเครื่อง อย่างน้อยควรจะเป็นเวอร์ชั่น 2.1 ขึ้นไปนะครับ ถ้าเป็น 2.2 ขึ้นไปยิ่งดีใหญ่เพราะจะมีฟีเจอร์อย่าง Wi-Fi Hotspot ให้ใช้ได้ด้วย ส่วนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชั่นต่อๆ ไปได้หรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตยี่ห้อนั้นๆ นะครับ ว่าจะดูแลเราได้ดีต่อเนื่องแค่ไหน ถ้าถามว่าใครบ้างที่เหมาะจะใช้ Android Smartphone ก็ต้องบอกว่าได้ทุกเพศ ทุกวัยเลย เพราะว่าไปแล้วการใช้งานก็ง่าย ระบบเมนูแต่ละยี่ห้อก็ไม่ต่างกันมากนัก อยู่ที่ว่าแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีลูกเล่นในเรื่องของระบบเมนู (User Interface) ที่สร้างเฉพาะกันไป เช่น
    Acer ก็มี Acer UI มาในรูปแบบที่แปลกตาเฉพาะตัวใช้ง่าย
    HTC ก็มี HTC Sense UI ใช้งานได้หลากหลายเฉพาะทางลูกเล่นเยอะ และง่ายมากๆ
    Samsung ก็มี Samsung Touch Wiz UI ที่ให้ความง่ายในการเข้าถึงเมนูต่างๆ รวมถึงวิดเจ็ท
    Motorola ก็มี Moto Blur
    LG ก็มี LG UI เฉพาะตัวเช่นกัน

    นอกจากนี้ในเรื่องของ Application ก็มีมากมายให้เลือกดาวน์โหลดซึ่งตอนนี้บน Android Market ก็มีมากถึง 300,000 แอพฯแล้วมีทั้งฟรีและที่ต้องเสียเงิน (ฟรีประมาณกว่า 50%) ล่าสุดผู้ใช้ในไทยสามารถซื้อแอพฯบน Android Market ได้แล้วโดยจ่ายเงินทางบัตรเครดิตกันเลย

    สำหรับผู้ใช้ Android Smartphone แนะนำเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น นั่นก็คือ http://market.android.com เว็บไซต์ของ Android Market ที่รวบรวมแอพฯทุกตัวในตลาดให้เราเลือกดาวน์โหลดได้เลย เพียงคลิ๊ก “Install” หรือ “Buy” (กรณีแอพฯ นั้นต้องเสียเงินซื้อ) หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะถูก “Push” ผ่านจากระบบอินเตอร์เนตเข้ามาที่มือถือโดยตรง โดยไม่ต้องต่อสาย USB ใดๆ เลย ง่ายมากใช่ไหม

    นี่คือหนึ่งเสน่ห์ของการใช้ Android ยังมีอีกมากมายหลายเหตุผลว่าทำไมวันนี้มีแต่คนหันมาใช้ Android Phone กันอย่างมากมายทั่วโลก จนกลายเป็น Smartphone ที่ฮิตที่สุดไปแล้ว

    สำหรับ Android 3.0 Honeycomb ที่มีการนำมาใช้กับ Android Tablet กันแล้วก็กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากกับผู้ที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็กที่สะดวก คล่องตัวในการใช้งาน ก็เริ่มมีตัวเลือกให้ผู้ใช้กันแล้วอย่างเช่น Acer Iconia A100, Acer Iconia A500, Samsung Galaxy Tab 10.1, Samsung Galaxy Tab 8.9, LG Optimus Pad 3D, Motorola Xoom

    ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในอนาคต ที่พูดอย่างนี้เพราะว่าปัจจุบันนั้นยังมีแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อ Android 3.0 Honeycomb บน Android Tablet อยู่น้อยแค่หลักพันเท่านั้นเอง ถามว่าใช้แอพฯ ที่ออกแบบมาสำหรับ Android เวอร์ชั่น 2.X ได้หรือไม่ ก็ตอบว่าได้ แต่ความเข้ากันได้กับ Android 3.0 Honeycomb ซึ่งส่วนใหญ่หน้าจอจะใหญ่ระดับ 8-10 นิ้วนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร เป็นเหตุผลว่าวันนี้ก็ยังมีความนิยมกับ Android Tablet เวอร์ชั่น 7 นิ้วที่ใช้ Android เวอร์ชั่น 2.2-2.3 กันอย่างมากมาย เพราะสามารถหาแอพฯ ใช้งานได้ทันที เพราะมีให้เลือกกว่า 300,000 แอพฯ ตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy Tab ที่ฮิตมากๆ ขายดีกันถล่มทลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาที่ลงมาจนเอื้อมถึงได้ไม่ยาก หรือตัวใหม่อย่าง HTC Flyer ที่มีปากกาพิเศษให้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากกว่าใครๆ หรือถ้าจะเป็น House Brand ก็มี Wellcom A800 หรือจะเป็น i-mobile iNote ที่ราคาก็จะย่อมเยาลงมาอีก อันนี้ก็เลือกพิจารณากันดูนะครับ ว่าจะเอาตัวใหม่เผื่ออนาคต หรือตัวปัจจุบันที่พร้อมใช้งานได้ทันที อันนี้แต่ใจผู้ใช้เลย



เวอไนน์ไอคอร์ส

ประหยัดเวลากว่า 100 เท่า!






เวอไนน์เว็บไซต์⚡️
สร้างเว็บไซต์ ดูแลเว็บไซต์

Categories