ปากเซ เป็นเมืองเอกของแขวงจำปาศักดิ์ อยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นเมืองใหม่พึ่งตั้งได้ไม่นาน อยู่บริเวณปากแม่น้ำเซโดน ที่บรรจบกับแม่น้ำโขงที่นี่ มีสำคัญทางด้านเศรษฐกิจกับแขวงจำปาสัก ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของลาวตอนใต้ ประชาชนหลายชนชาติ มาอยู่
น้ำตกตาดฟาน
เป็นน้ำตกคู่แผดที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 120เมตร ห่างจากเมืองปากเซไปทางเมืองปากซอง38ก.ม.เป็นน้ำตกคู่แฝด มีน้ำ2สาย สายหนึ่งไหลมาจากห้วยผักกูด สายหนึ่งจากภูเขาเทวดา เป็นน้ำตกน้องเมีย”ดูได้อย่างเดียว”ไม่สามารถลงไปด้านล่างของน้ำตกได้
http://pantip.com/topic/32560760
การเดินทางไปเมืองปากเซจากประเทศไทย ผ่านพรมแดนช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี แล้วเดินทางมาตามทางหลวงหมายเลข 10 ของลาว เมื่อถึงแม่น้ำโขง ก็ต้องข้ามสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ปัจจุบันมีรถประจำทางออกจาก จ.อุบลราชธานี มาถึงปากเซโดยตรง จากปากเซถึง ช่องเม็ก ระยะทาง 44 กิโลเมตร
ปากเซ …เมืองเอกของแขวงจำปาศักดิ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้ไปสัมผัสกับความงดงามมากมาย รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนก็ยังเรียบง่าย เราเลยจะชวนเพื่อน ๆ ตามบันทึกการเดินทางของ คุณช่างถ่ายพลาด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปเที่ยวปากเซกันค่ะ และนอกจากจะนำประสบการณ์การท่องเที่ยว “ปากเซ” มาแชร์ให้เราได้ชมกันแล้ว ยังได้แนะนำสิ่งที่ควรรู้ก่อนเป็น Backpacker เที่ยวประเทศลาวมาบอกกันด้วย เอาเป็นว่าลองไปดูกันค่ะ ^^
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำก่อนว่าทริปนี้เป็นทริปการเดินทางออกนอกประเทศด้วยตัวเองครั้งแรกที่ผมวางแผนเอาไว้นานมาก ทั้งหาข้อมูลที่ท่องเที่ยว ที่พัก การเดินทางและกำหนดการต่าง ๆ แต่ก่อนกำหนดการทุกอย่างจะเริ่มขึ้น 1 สัปดาห์ ผมก็มีความคิดว่าจะล้มเลิกแผนการเดินทางในครั้งนี้ เนื่องจากปัญหาทางด้านการเงินของผมเอง แต่ก็มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนใจเพราะผมเล่าเรื่องทริปปากเซในครั้งนี้ให้รุ่นน้องคนหนึ่งฟัง ปรากฏว่าน้องผมขอไปด้วย ผมก็ต้องเลยตามเลย บอกมันว่าไปก็ไป พอใกล้วันแล้วค่อยไปเจอกันที่อุบลฯ เลย ผมได้แต่นับถอยหลังรอแล้วรอเล่า ใจจดใจจ่อ จนในที่สุด…ทริปของผมก็มาถึงซะที
Day 1 วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2558
หลังจากที่ผมและน้องผู้ร่วมทริปเก็บกระเป๋าออกจากบ้านของผมที่อุบลฯ เราก็มุ่งหน้าไปสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุบลฯ ทันที เราเดินทางถึงสถานีขนส่งประมาณ 8 โมงครึ่ง (เมื่อวานเรามาขอจองตั๋วที่นี่ แต่คนขายตั๋วบอกว่าไม่รับจอง เค้าบอกให้เรามาซื้อที่ช่องขายตั๋วตอนเช้าเลย) ผมก็ไปซื้อตั๋วรถบัสและรอเวลาที่รถจะเข้ามาจอดเทียบชานชาลา
รถที่เราจะใช้เดินทางเพื่อไปยังเมืองปากเซก็คือรถบัสคันนี้ เป็นรถโดยสารระหว่างประเทศไทย-ลาวของบริษัทขนส่ง(มั้งนะ) ค่ารถ 200 บาทต่อคน จะเดินทางต่อเดียวพาเราไปส่งถึงสถานีขนส่งหลักแปด เมืองปากเซ การเดินรถจากไทยไปลาวมีเพียง 2 รอบต่อวัน คือ 09.30 น. และ 15.30 น. โดยขึ้นรถที่สถานีขนส่งเท่านั้น ระหว่างทางจะมีเด็กรถมาถามว่าใครไม่มีพาสปอร์ตบ้าง หากใครไม่มีเขาจะพาลงไปทำ Boarding Pass ก่อนถึงด่าน ตม. แต่ถ้าใครไม่ชอบการเดินทางด้วยรถบัสก็มีรถตู้ให้บริการเช่นกัน แต่จะเป็นรถตู้อุบล-ช่องเม็ก รถจะส่งท่านแค่ที่ด่านผ่านแดน แล้วเราต้องไปต่อรถตู้จากด่านถึงปากเซอีกต่อหนึ่ง ค่ารถก็ต่อละ 100 บาท มีรถตู้วิ่งหลายรอบ หากใครสนใจลองวิธีการนี้สามารถทำได้ เพียงแต่ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไร เพระเมื่อถึงด่านช่องเม็กรถตู้ที่จะต่อไปลาวออกไม่ตรงเวลา ต้องรอจนกว่าผู้โดยสารจะเต็มคันรถ คนขับถึงจะได้ฤกษ์สตาร์ทเครื่องยนต์
หลังจากที่เราเดินทางมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองรถบัสจะจอดให้เราลง เพื่อเดินทางไปประทับตราหนังสือเดินทาง ในจุดนี้ก็ไม่ต้องอะไรมากครับ เดินตามผู้โดยสารคนอื่นเข้าไปในตึก กรอกแบบฟอร์มขาออก แล้วรอต่อแถวออกนอกประเทศไทยได้เลย พอเราประทับตราหนังสือเดินทางฝั่งไทยเสร็จแล้ว เราต้องเดินไปปั๊มวีซ่าที่ด่าน ตม. ของลาวอีกครับ โดยเดินลอดทางขาเข้า-ขาออก (ที่เห็นในรูปนั่นแหละครับ) แล้วเดินตรงตามถนนไปเรื่อย ๆ จะเห็นสำนักงานของ ตม. ลาว อยู่ฝั่งขวามือ พอเจอแล้วก็เดินขึ้นไปแล้วเดินต่อไปข้างหลัง (ข้างหน้าจะเป็นการประทับขาออกครับ) พอถึงจุดนี้เราก็เอาเอกสารมากรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและยื่นเข้าช่องได้เลยครับ
ตรงนี้ต้องขอเล่าหน่อยนะครับว่า ผมเก็บข้อมูลจากหลายที่ว่าค่าเข้าลาวจริง ๆ นั้นแค่ 40-50 บาทเท่านั้น ให้เราถือเงินให้พอกับที่เราต้องจ่ายแล้วจะได้ราคาจริง ๆ แต่ปรากฏว่าตอนนี้ไม่ได้แล้วนะครับ ผมยังไม่ทันจะได้หยิบเงินขึ้นมาจ่าย เจ้าหน้าที่ในตู้ก็พูดออกมาก่อนที่ผมจะอ้าปากพูดอะไรซะอีก“100 บาท” โถ่ว !! พี่เล่นดักผมแบบนี้เลยเหรอครับ ? แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ถือว่ายอม ๆ จ่ายไป เราไม่ได้มาที่นี่ทุกวันซะหน่อย ตรงจุดทำวีซ่านี้เองที่ทำให้เราพบกับเพื่อนร่วมเดินทางชาวไทยอีก 2 คน พวกเขาขอตามไปเที่ยวกับพวกผมด้วย ผมก็ไม่อะไรมากอยู่แล้วครับ ไปได้ก็ไป ค่อยคุยกันใหม่ เพราะตอนนี้ต้องไปขึ้นรถแล้วเนื่องจากรถบัสกำลังจะออกเดินทางต่อ แต่พอผ่านมาได้สัก 400 เมตร ก็จะมีด่านตรวจของตำรวจฝั่งลาวมาตรวจสัมภาระใต้ท้องรถอีกที จุดนี้ไม่มีอะไรมากพอผ่านได้แล้วก็ยาว ๆ ครับ รอเจอปากเซได้เลย
เราเดินทางมาถึงปากเซเวลาประมาณเที่ยงกว่า ๆ ตรงนี้เราจะสามารถขอลงที่ตัวเมืองปากเซได้เลย แต่เนื่องด้วยความที่ผมยังไม่รู้อะไรมากพอ จุดหมายปลายทางของผมก็เลยยังคงเป็นที่ “สถานีขนส่งผู้โดยสารหลักแปด” พอรถบัสเดินทางมาถึงสถานีโดยยังไม่ทันจะจอดสนิทดี จะมีเหล่าคนขับรถสองแถวรับจ้างมารุมล้อมกันที่ประตูรถ ทันทีที่ประตูรถเปิดออกเราจะได้ยินเสียงคนเหล่านี้แย่งลูกค้ากัน และขอบอกเลยว่า “ราคาไม่เบาครับ” พอผมและคณะลงจากรถก็มีคนขับสองแถวเข้ามารุมล้อมเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ผมเดินแหวกออกมาทันทีเพราะรู้ดีว่า “ยิ่งเราต่อรองเรื่องเวลาเท่าไร ค่าโดยสารก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น”
คนขับรถสองแถวคนแรกเข้ามาเสนอราคา 80 บาทต่อคน ไปที่ไหนก็ได้ในตัวเมือง และก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ผมบอกขอเดินดูตลาดก่อน (สถานีขนส่งที่นี่มีตลาดขายของเล็ก ๆ ข้างสถานี แต่ก็ไม่ค่อยน่าเดินเท่าไร) พวกผมเดินต่อ แต่ก็ยังไม่คลาดสายตาของคนขับรถสองแถวคนแรกก็มีชายอีกคนเดินมาเสนอราคา 40 บาทต่อคนให้พวกผมในทันที แต่ผมก็ยังดึงเช็งต่อไป เพราะในใจคิดว่าอาจได้ราคาที่ถูกกว่านี้ จึงตอบไปตามเดินว่า ขอเดินดูตลาดก่อน ทันทีที่พวกผมเดินจากมาคนขับรถสองแถวคนแรกก็ปรี่เข้ามาหาชายผู้นั้นทันที ผมก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปเป็นอย่างไร ก็ได้แต่เพียงเดินชมตลาดต่อไป จนสุดท้ายคนขับรถสองแถวคนที่สองก็ขับรถมาถามผมอีกครั้ง “ไปมั้ย ? 40 บาท” จังหวะนี้คงไม่ต้องถามครับว่าพวกเราจะเอายังไง ในเมื่อตลาดก็ไม่มีอะไรให้เดินแล้ว กอปรกับในตลาดดูเหมือนกำลังจะมีมวยสด พวกผมเลยไม่รอช้าครับ กระโดดขึ้นรถทันที จุดหมายปลายทางที่จะเดินทางต่อคือ“โรงแรมลานคำ”
# ราคา 40 บาท ถือเป็นราคาปกติที่สุดแล้วสำหรับนักท่องเที่ยว โปรดตกลงราคากับคนขับให้แน่ชัดก่อนขึ้นรถ
พอรถสองแถวส่งเราถึงที่แล้ว ผมคุยกับคนขับรถพักหนึ่งเรื่องการท่องเที่ยวในละแวกใกล้เคียง แล้วเราก็เข้าเช็กอินกัน โรงแรมนี้ผมเห็นข้อมูลจากหลายที่แนะนำมาเลยมาลองตามเค้าบ้าง เราเลือกห้อง 2 คน แยกกัน 2 ห้อง ค่าห้องก็อยู่ที่ 424 บาทต่อคืน ห้องพักที่นี่ไม่ใหญ่มาก อาจจะเรียกว่าเล็กไปเลยก็ได้ ในห้องมีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น แอร์ ตู้เย็น ฯลฯ โดยรวมก็ไม่ถือว่าขี้เหร่เท่าไร และก็เป็นไปตามแผน เราเลือกที่จะอยู่ปากเซแค่คืนเดียวก่อน เพราะตามกำหนดการพวกผมจะออกเดินทางไปดอนเดดพรุ่งนี้เช้า
พอเราเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยแล้วก็ลงมาแลกเงิน ซึ่งมีไว้บริการที่หน้าโรงแรม (อัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้น 242.2 กีบ/บาท) หลังจากแลกเงินกันเรียบร้อยอาหารในลาวมื้อแรกที่วางแผนมาหลายเดือนก็คือ “เฝอลานคำ” ซึ่งทั้งคนนอกและในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น “เฝอที่อร่อยที่สุดในปากเซ” สำหรับผมเองคิดว่าคนที่รู้จักรสชาติของเฝอน่าจะเข้าใจได้ดี เพราะผมก็ไม่ใช่กูรูด้านอาหาร ไว้ถ้ามีโอกาสมาลองดูแล้วกันครับ สนนราคาเฝอลานคำก็อยู่ที่ ชามเล็กไม่ใส่เนื้อ 15 พันกีบ = 60 บาท ใส่เนื้อถ้วยเล็ก 20 พันกีบ ถ้วยใหญ่ 25 พันกีบ (ที่ลาวนับเงินเป็นพันตามฝรั่งเศส เช่น 15000 = สิบห้าพัน ส่วนหลักอื่น ๆ เรียกตามปกติ ฝึกไว้ครับเพราะถ้าไปจริง ๆ อาจจะงง)
หลังจากอิ่มหมีพีมันกินกันแทบไม่หวาดไม่ไหว เราก็เดินทางไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อเดินทางท่องเที่ยวในภาคบ่าย ซึ่งจุดหมายปลายทางในวันนี้คือ “น้ำตกผาส้วม” ร้านเช่ารถที่เราใช้บริการวันนี้อยู่ใกล้ ๆ โรงแรมครับ ไม่ต้องเดินไกล สนนราคาค่าเช่าก็…
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• วันที่ 2 : ลาวใต้ น้ำตกคอนพะเพ็ง แก่งหลี่ผี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
• วันที่ 3 : ลาวใต้ น้ำตกตาดผาส้วม น้ำตกตาดเยือง น้ำตกตาดฟาน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|