นมวัวเมื่อกินเข้าไปจะมีผลข้างเคียงกับมนุษย์หรือไม่
นมวัวเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม นมวัวก็สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับมนุษย์ได้เช่นกัน ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตส เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสที่มีอยู่ในนมวัวได้ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
- การแพ้โปรตีนนมวัว เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อโปรตีนในนมวัว ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องเสีย หายใจดังวี้ด น้ำมูกไหล ผื่นลมพิษ จนถึงขั้นช็อก
- สิว ฮอร์โมนในนมวัวอาจไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวขึ้นได้
- โรคอ้วน นมวัวมีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง หากบริโภคมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนและโรคหัวใจ
- โรคเบาหวาน นมวัวมีน้ำตาลแลคโตสซึ่งร่างกายต้องย่อยด้วยเอนไซม์แลคเตส หากร่างกายไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
- โรคกระดูกอ่อน นมวัวมีโปรตีนและแคลเซียมสูง แต่หากบริโภคมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของไต ส่งผลให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมามากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกอ่อน
นอกจากนี้ นมวัวอาจมีสารปนเปื้อนต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะ ฮอร์โมน สารเคมีต่างๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้เช่นกัน
โดยทั่วไปแล้ว นมวัวเป็นเครื่องดื่มที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติหลังดื่มนมวัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
กินแล้วทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน!?
ความเชื่อที่ว่าดื่มนมวัวทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนนั้น เกิดขึ้นจากการศึกษาวิจัยบางชิ้นที่พบว่า การบริโภคโปรตีนมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อกระดูก โดยโปรตีนจะถูกย่อยสลายเป็นกรดอะมิโน ซึ่งกรดอะมิโนบางชนิดสามารถนำไปใช้สร้างมวลกระดูกได้ แต่กรดอะมิโนบางชนิดก็อาจไปกระตุ้นให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมากขึ้น ส่งผลให้มวลกระดูกลดลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนอย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยส่วนใหญ่พบว่า การบริโภคนมวัวอย่างเหมาะสมไม่ส่งผลเสียต่อกระดูก ในทางกลับกัน การบริโภคนมวัวอาจช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ เนื่องจากนมวัวมีแคลเซียมสูง ซึ่งแคลเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงจากการศึกษาวิจัยพบว่า การบริโภคนมวัวในปริมาณ 1,200-1,500 มิลลิลิตรต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ โดยการศึกษาวิจัยบางชิ้นพบว่า การบริโภคนมวัวในปริมาณดังกล่าวสามารถช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้ประมาณ 2-3%นอกจากนี้ นมวัวยังมีวิตามินดี ซึ่งวิตามินดีมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น การบริโภคนมวัวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ไข่แดง เห็ด แสงแดด ก็อาจช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้เช่นกันดังนั้น ความเชื่อที่ว่าดื่มนมวัวทำให้เป็นโรคกระดูกพรุนนั้น อาจไม่ถูกต้องเสมอไป หากบริโภคนมวัวอย่างเหมาะสม ก็อาจช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
ผักกบางชนิดมีแคลเซียมสูงกว่านมวัวหรือไม่?
ใช่แล้ว ผักสีเขียวบางชนิดมีแคลเซียมสูงกว่านมวัว เช่น
ผักคะน้า 100 กรัม ให้แคลเซียม 156 มิลลิกรัม
ใบชะพลู 100 กรัม ให้แคลเซียม 150 มิลลิกรัม
ตำลึง 100 กรัม ให้แคลเซียม 145 มิลลิกรัม
ขี้เหล็ก 100 กรัม ให้แคลเซียม 120 มิลลิกรัม
อย่างไรก็ตาม ผักสีเขียวเหล่านี้มีแคลเซียมในรูปของออกซาเลต ซึ่งอาจไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น การบริโภคผักสีเขียวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผักคะน้า บร็อคโคลี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมได้
นอกจากนี้ ผักสีเขียวบางชนิดอาจมีสารพิษหรือสารก่อภูมิแพ้ ดังนั้น ควรเลือกบริโภคผักสีเขียวที่สดใหม่และสะอาด หลีกเลี่ยงผักสีเขียวที่มีลักษณะผิดปกติหรือมีกลิ่นเหม็น
โดยสรุปแล้ว การบริโภคนมวัวและแคลเซียมจากผักสีเขียวร่วมกัน จะช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
นมวัว100 กรัมให้แคลเซียมเท่าไหร่
นมวัว 100 กรัม ให้แคลเซียมเฉลี่ยประมาณ 112 มิลลิกรัม โดยปริมาณแคลเซียมในนมวัวอาจแตกต่างกันไปตามชนิดของนม เช่น* นมวัวจืด 100 กรัม ให้แคลเซียมเฉลี่ยประมาณ 112 มิลลิกรัม* นมพร่องมันเนย 100 กรัม ให้แคลเซียมเฉลี่ยประมาณ 105 มิลลิกรัม* นมดัดแปลงสูตรเสริมแคลเซียม 100 กรัม ให้แคลเซียมเฉลี่ยประมาณ 150 มิลลิกรัมนอกจากนี้ ปริมาณแคลเซียมในนมวัวอาจแตกต่างกันไปตามวิธีการผลิต เช่น นมวัวที่ผ่านการแปรรูปอาจสูญเสียแคลเซียมไปบ้าง นมวัวที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์จะมีปริมาณแคลเซียมใกล้เคียงกับนมวัวสด นมวัวที่ผ่านการสเตอริไลซ์จะมีปริมาณแคลเซียมลดลงเล็กน้อย
รูปแบบของแคลเซียมในนมวัวและในผัก
ใช่ รูปแบบของแคลเซียมในผักกับในนมวัวต่างกันแคลเซียมในนมวัวเป็นแคลเซียมในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ซึ่งมีความละลายน้ำได้ดี และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายแคลเซียมในผักเป็นแคลเซียมในรูปของออกซาเลต (oxalate) ซึ่งมีความละลายน้ำได้น้อย และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยากนอกจากนี้ ผักบางชนิดยังมีสารประกอบอื่นๆ เช่น กรดไฟติก (phytic acid) กรดซิตริก (citric acid) ซึ่งอาจไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกันดังนั้น การบริโภคผักสีเขียวเพื่อเสริมแคลเซียม ควรเลือกบริโภคผักที่มีปริมาณออกซาเลตต่ำ เช่น คะน้า บร็อคโคลี ผักโขม ผักกะหล่ำปลี ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสงนอกจากนี้ ควรบริโภคผักสีเขียวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผักคะน้า บร็อคโคลี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมได้โดยสรุปแล้ว รูปแบบของแคลเซียมในผักและในนมวัวต่างกัน แคลเซียมในนมวัวดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าแคลเซียมในผัก ดังนั้น การบริโภคนมวัวร่วมกับผักสีเขียว จึงช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
ใช่ รูปแบบของแคลเซียมในผักกับในนมวัวต่างกัน
แคลเซียมในนมวัวเป็นแคลเซียมในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ซึ่งมีความละลายน้ำได้ดี และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
แคลเซียมในผักเป็นแคลเซียมในรูปของออกซาเลต (oxalate) ซึ่งมีความละลายน้ำได้น้อย และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยาก
นอกจากนี้ ผักบางชนิดยังมีสารประกอบอื่นๆ เช่น กรดไฟติก (phytic acid) กรดซิตริก (citric acid) ซึ่งอาจไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้เช่นกัน
ดังนั้น การบริโภคผักสีเขียวเพื่อเสริมแคลเซียม ควรเลือกบริโภคผักที่มีปริมาณออกซาเลตต่ำ เช่น คะน้า บร็อคโคลี ผักโขม ผักกะหล่ำปลี ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง
นอกจากนี้ ควรบริโภคผักสีเขียวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผักคะน้า บร็อคโคลี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมได้
โดยสรุปแล้ว รูปแบบของแคลเซียมในผักและในนมวัวต่างกัน แคลเซียมในนมวัวดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าแคลเซียมในผัก ดังนั้น การบริโภคนมวัวร่วมกับผักสีเขียว จึงช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
อาหารที่มีแคลเซียมในรูปแบบที่เหมาะสมและดีที่สุดต่อมนุษย์ ได้แก่ **นมวัว** และแคลเซียมจาก **ผักสีเขียว** **นมวัว** มีแคลเซียมในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ซึ่งมีความละลายน้ำได้ดี และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าแคลเซียมในผักสีเขียว **ผักสีเขียว** มีแคลเซียมในรูปของออกซาเลต (oxalate) ซึ่งมีความละลายน้ำได้น้อย และดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยาก อย่างไรก็ตาม ผักสีเขียวบางชนิด เช่น คะน้า บร็อคโคลี ผักโขม ผักกะหล่ำปลี ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง มีปริมาณออกซาเลตต่ำ จึงสามารถบริโภคเพื่อเสริมแคลเซียมได้ นอกจากนี้ การบริโภคผักสีเขียวร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผักคะน้า บร็อคโคลี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมได้ ดังนั้น การบริโภคนมวัวร่วมกับผักสีเขียว จึงช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ นอกจากนมวัวและผักสีเขียวแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมสูง เช่น * **ปลาเล็ก** เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาทู ปลาแมคเคอเรล * **เต้าหู้** * **งา** * **ถั่ว** * **เมล็ดพืช** อย่างไรก็ตาม แคลเซียมจากอาหารเหล่านี้อาจดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยากกว่าแคลเซียมจากนมวัวและผักสีเขียว ดังนั้น ควรบริโภคร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม ผักคะน้า บร็อคโคลี เพื่อเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม