1.ระบบต่างๆ ไม่สามารถจัดการเองได้หมด เพราะเป็น โครงสร้างสำเร็จรูปมา มันไม่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนกันหมด
2.เป็น open source ระบบถูก hack ง่าย
3.ปัญหาการอัพเดท plugin กับ ธีม
ตอบ
ความเป็นเอกลักษณ์ (unique) มีทั้งข้อดีข้อเสีย
ระบบ
การที่เราจัดการเองทั้งหมด
ข้อดี ได้ตามต้องการ ไม่มีบางออฟชั่นก็ไม่ต้องใช้ ก็ไม่เขียนลงไป ระบบเบา
ข้อเสีย อาจใช้เวลาพัฒนาสูงมาก (ไม่น่าต่ำกว่าปี) และไม่เป็นมาตรฐาน ถ้าทีมโปรแกรมเมอร์ลาออก หาคนต่องานต่อยาก กว่าจะเรียนรู้ระบบ กว่าจะเขียน กว่าจะแก้
ทางแก้คือ ให้เขียนเป็น platform ที่ใช้กันทั่วไป แต่ก็มีหลายแพลทฟอร์มมาก ก็เป็นปัญหาในการเลือกใช้ ไม่มีใครรู้หมดทุกอย่าง
การแสดงผล (Front end)
ทีมไม่ชำนาญ ไม่รู้โครงสร้าง (แก้ธีมไม่เป็น)ก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บสำเร็จรูปทั่วไป
ถ้าแก้ธีมเป็น ก็จะไม่เหมือน / แต่ถึงไม่อยากให้เหมือน มันก็จะควรต้องไม่ต่างมาก เช่น มีชื่อ มีรูป มีปุ่ม ฯลฯ
ตัวอย่างที่ผมเคยทำให้ลูกค้าก็เช่น mercular.com
ระบบโดนแฮกง่าย
เพราะดูแลไม่ดี ไม่อัพเดท สำหรับระบบเขียนเอง ส่วนใหญ่จะแฮกง่ายกว่าอีก แต่มักจะโชคดีที่เว็บไม่ดัง ไม่ติดอันดับ ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เลยไม่มีคนมาแฮก พวกนี้แค่รอวัน ลองดูที่ผมเคยพูดประเด็นนี้ที่ WordPress Security and Performance
มีปัญหากับการอัพเดทปลั๊กอิน/ธีม
ทำให้การดูแลต้องทำอะไรเพิ่มขึ้น แต่แลกกับการที่ระบบจะปลอดภัยกว่าเขียนเอง (เพราะถ้าเขียนเอง เราคงทิ้งไว้ ไม่อัพเดท แล้วมันอาจจะมีช่องโหว่อยู่) และจะรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้เร็วกว่าเขียนเอง
สรุป
ถ้าทีมถนัดแบบไหน ก็ทำแบบนั้นดีสุด ไม่มีแนวทางไหนที่ดีที่สุด มีแค่เหมาะกับทีมหรือเปล่า
แต่ผมยังไม่เคยเห็นใครทำระบบ e-commerce เองแล้วใช้เวลาน้อยกว่า 1 ปี ลองเอาเงินเดือนทีมงานคูณไปดู (และคูณสอง เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ) ต้นทุนมักจะสูงกว่าใช้ WooCommerce มากนัก
ถ้าต้องการมีฟีเจอร์ที่ดีกว่า WooCommerce มากจริงๆ หรือมีระบบที่ต้องเชื่อมที่ซับซ้อนจริงๆ เขียนเองจะดีกว่าใช้ WooCommerce
แต่ถ้าเป็นเว็บขายของทั่วไป การเปิดเว็บได้ใน 2-3 เดือนแทนที่จะรอเป็นปี มันย่อมดีต่อธุรกิจมากกว่าอยู่แล้ว แล้วถ้าต้องการเพิ่มระบบที่ซับซ้อนจริงๆ ก็ทำขนานไป
ตัวอย่างจริง
มีเจ้านึงลูกค้าอยากเขียนระบบเอง เลยไปออกแบบหน้าตาให้ ผ่านไปหลายปีระบบที่เขียนเองยังไม่เสร็จ และเก่าเกินไป (เช่น ตอนนั้นไม่ได้คิดให้รองรับมือถือ) สุดท้ายโปรเจ็คล้มเลิกไป
อีกเจ้านึง ลูกค้าอยากเขียนเอง ผมเลยบอกว่า งั้นเปิดเว็บโดยใช้ WooCommerce ไปก่อน แล้วให้ทีมเขียนขนานไป ตอนนี้เปิดเว็บมา 1-2 ปีแล้ว ระบบยังเขียนไม่เสร็จ แต่เว็บที่สร้างด้วย WooCommerce ทำรายได้ให้เค้าเดือนละหลายล้านบาทแล้ว แน่นอนว่ากำไรเกือบทั้งหมด ก็เอาไปจ่ายค่าทีมโปรแกรมเมอร์ที่ยังเขียนเว็บไม่เสร็จ
https://th.seedthemes.com/topic/100741/
wordpress นั้นเป็น CMS สำเร็จรูป เป็น open source แน่นอนว่า แฮกเกอร์ก็สามรถอ่านโค๊ดได้ง่ายๆ หาช่องโหว่ได้ แต่ ทีมพัฒนาเองก็เป็นโปรแกรมเมอร์ ก็คอยอุดรูปรั่วไปเรื่อย ไม่มีระบบไหนแฮกไม่ได้ แต่ปลอดภัยกว่าเขียนเองแน่นอน ถ้าใช้งานเป็น
สิ่งเดียวที่ ไม่ชอบคือ ระบบมันเริ่มใหฐ่ขึ้นเรื่อยๆ เทะอทะ อ้วน อืด บาง ฟีเจอร์เราเองก็ไม่ต้องการใช้แต่ก็ต้องลงไปในการติดตั้ง และจะทำงานตลอดเวลาเมื่อเราใช้งานเว็บ เช่น ปกติ เราต้องการเเค่ เขียนบทความ อัพรูป ไม่ต้องการอะไรมากว่านี้ สมัย woedpress รุ้น ver2-3 จะเร็วมาก แต่หลังๆค่อนข้างอืดขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันทำให้สามารถ ติ๊กเลือกออฟชั่นการทำงานต่างๆได้ ตอน ติดตั้งจะดีมากเลย เราก็ติดตั้งในส่วนที่ต้องการใช้งานเท่านั้น
ดังนั้นการเขียนเอง จึงยังมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ ระบบเร็วกว่ากันเยอะ
WordPress+WooCommerce กับ Magento กับ PrestaShop กับ OpenCart ตัวไหนทำเว็บร้านค้าออนไลน์ดีที่สุด
+https://pantip.com/topic/33366170
+https://woocommerce.com/product-category/woocommerce-extensions/
loco translate เปลียน เป็นภาษาไทย