การเดินทางไปต่างประเทศต้องมีตั๋วไป-กลับ เสมอหรือไม่
การเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ที่ทางเจ้าหน้าที่ของสายการบินต้องขอตั๋วทั้งไปและกลับเพื่อการตรวจสอบเพราะว่าถ้าคุณไปถึงประเทศปลายทางแล้ว ทาง ตม. ของประเทศนั่นๆ ไม่ให้คุณเข้าประเทศเพราะไม่มีตั๋วเดินทางต่อ หรือ ไม่มีตั๋วเดินทางออกจากประเทศของเขา สายการบินที่คุณเดินทางไปจะโดนค่าปรับ(ซึ่งมันแพงกว่าค่าตั๋วที่คุณซื้อแน่นอน) เพราะถือว่าไม่ตรวจสอบการเดินทางของ ผดส ของคุณให้ดีก่อน ก่อนที่จะให้เดินทางออกนอกประเทศ
ถ้าคุณเดินทางออกนอกประเทศไป แต่มีเอกสารที่ได้จองตั๋วต่างๆ ที่เดินทางออกนอกประเทศปลายทาง เช่น คุณเดินทาง CNX-KUL โดยเครื่องบิน และคุณมีตั๋วรถทัวร์ ที่คุณจองจาก ประเทศมาเลเซียออกกลับมาไทย(คุณต้องนำเอกสารการจองแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู) เจ้าหน้าที่ก็อนุญาต ในการเดินทางอยู่แล้ว
มีบางความคิดเห็นที่บอกว่า ถ้าซื้อตั๋ว BKK-HKG แต่กลับจาก MFM-BKK ถามว่าทำไมเดินทางได้ ก็ไม่แปลกครับเพราะตั๋วของคุณเป็นตั๋วที่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร แต่มีตั๋วกลับมาประเทศแม่ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางใดๆ ก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ให้ผ่านได้
โดยปกติแล้วการซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวออกนอกประเทศถ้าซื้อกับเจ้าหน้าที่โดยตรง เจ้าหน้าที่จะถามอยู่แล้วว่าคุณมีเอกสารการเดินทางที่ครบถ้วน เช่น วีซ่านักเรียน วีซ่าการทำงาน ถ้าคุณไม่มีเอกสารเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ปฎิเสธการออกตั๋วให้คุณได้
หน้าเว็บในการสำรองที่อนุญาตตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินได้ เพราะระบบไม่สามารถทราบได้ว่าบุคคลที่ทำการสำรองอยู่มีเอกสารในการเข้าประเทศเพียงพอหรือไม่ และตามกฏระเบียบในการเดินทางเรื่องเอกสารการเดินทาง ผดส ต้องรับผิดชอบเอง เพราะเว็บไซต์เปิดบริการทั้วโลก มีหลายสัญชาติเงื่อนไขการเข้าประเทศแต่ละสัญชาติก็ต่างกัน
ถ้าคุณปฏิบัติตามกฏและเงื่อนไขของสายการบิน ก็เดินทางได้ตามปกติ
กฏที่ว่ามันมีถูกต้อง แต่มันเป็นลักษณะของประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดกันคือต้องไปกลับด้วยเครื่องบินอย่างเดียวก็ต้องมีตั๋วเครื่องบินขากลับแสดง
แต่ในลักษณะของประเทศที่มีพรมแดนติดกันที่สามารถเดินทางไปกลับด้วยรถหรือการขนส่งอย่างอื่นได้บางครั้งมันไม่สามารถจะแสดงหลักฐานได้ชัดเจนทุกกรณีไป
เหมือนที่หลายๆท่านมีประสบการณ์ว่าถ้าไม่มีตั๋วขากลับก็ขอดูว่ามีเงินติดตัวไปเท่าไหร่เป็นต้น
ประเด็นมันอยู่ที่ประสบการณ์ และการตัดสินของพนักงานเชคอินของสายการบินด้วย
ปัญหาที่สายการบินต้องรับผิดชอบคือ ถ้าไปถึงแล้วตมไม่ให้เข้าสายการบินจะถูกปรับแบะต้องรับผิดชอบเอาผู้โดยสารกลับออกไป ตรงนี้คือสาเหตุที่เขาต้องระวัง และพนักงานเองถ้าทำการเชคอินแล้วเกิดปัญหาก็จะมีปัญหากับองค์กรตัวเอง
เมื่อพนักงานไม่อยากมีปัญหา ถ้าคิดแค่เอาตัวรอดให้พ้นไปไม่ต้องสนใจความเดือดร้อนของคนอื่น ผู้โดยสารรายไหนเข้าข่ายตามกฏ ก็ไม่สนใจ ทำงานแบบไม่ต้องใช้สมองใช้วิจารญาณก็ได้เลย ใครจะเดือดร้อนไม่ต้องสนใจ
เท่าที่ทราบในกรณีที่เชคอินแล้วมีปัญหาใดๆที่ทำให้สายการบินสงสัยว่าผู้โดยสารจะไปแล้วเข้าประเทศไม่ได้ และผู้โดยสารยังยืนยันจะเดินทางเขามีการให้ผู้โดยสารเซนยินยอมที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและความเสียหายที่สายการบินต้องจ่ายกรณีผู้โดยเข้าประเทศไม่ได้ไม่ใช่หรือ? (ไม่ยืนยันเพราะเคยแต่ได้ยินไม่เคยทำด้วยตัวเอง)
ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่ามันเกิดจากตัวพนักงานเชคอินเองมากกว่ามันมีกฏอยู่ก็จริงแต่ประเทศที่จะเดินทางเป็นพรมแดนติดต่อกัน ถ้าผูัโดยสารโดนตมขอดูตั๋ว ดิฉันก็เชื่อว่าตั๋วไปกลับหาดใหญ่ เชียงใหม่หรือกรุงเทพที่ผู้โดยสารมีจะสามารถทำให้ตมเชื่่อได้ว่าไม่มีความประสงค์จะเข้าแล้วไม่ออก อีกอย่าง ตม เขาไม่ได้ดูแต่ตั๋วเขาดูลักษณะของแต่ละคนด้วย พวกที่ต้องการเข้าแล้วไม่ออกในทุกประเทศมีตั๋วกลับอยู่ในมือแล้วทั้งนั้น
ถ้าผู้โดยสารท่านนี้เจอพนักงานเชคอินที่มีประสบการณ์และไม่กลัวตัวเองจะเดือดร้อนอย่างเดียว มันจะแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้แน่นอน
ที่กล้าแสดงความเห็นแบบนี้เพราะเคยเจอมากับตัวเอง ดิฉันมีตํ่วเครือ่งบินไปกลับ กทม เมลเบิร์น และก็ซื้อตั๋วถูกเป็นเที่ยว บินจากเมลเบิร์นไปโอ๊คแลนด์ ขากลับจากไครเชิร์สไปซิดนีย์แน่นอนว่าตั๋วเหล่านี้คนละบุ๊คกิ้งกัน
ดิฉันเข้าเมลเบิร์นอย่างไม่มีปัญหาแต่วันที่จะเชคอินไปโอ๊คแลนด์นั้นก็มีปัญหาทันที พนักงานรับพาสปอร์ตไปแล้วก็รีๆรออยู่นานมากแล้วก็ถามหาตั๋วกลับ เราก็ยืนตัวใครเชิร์ส ซิดนี้ย์ให้ ก็เงียบอีกพัก แล้วก็เดินไปปรึกษาพนักงานที่น่าจะเป็นระดับซุป จากนั้นก็หันมาขอตั๋วกลับกทมอีกรอบ ผ่านไปยี่สิบนาทียังเงียบ
ดิฉันก็หมดความอดทนถามไปว่าคุณมีปัญหาอะไรกับการเชคอินหรือเปล่า เธอก็อ้ำๆอึ้งๆตอบไม่รู้เรื่อง ดิฉันหมดความอดทนก็เลยบรรเลงชุดใหญ่ไปว่า ดิฉันได้วีซ่ามัลติเปิ้ลหนึ่งปีเข้าทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ แปลว่าสถานทูตได้พิจารณาแล้วว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้เข้าประเทศได้ และตอนเข้ามาก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ แต่ทำไมวันนี้พอจะออกมันถึงมีปัญหา คุณไม่ใช่ตม คุณไม่มีสิทธิ์จะตัดสินใคร และฉันก็มีทุกอย่างตามกฏแล้ว ถ้ายังมีปัญหาฉันคิดว่ามันไม่ได้เกิดจากกฏใดๆนอกจากคุณกำลัง Discriminate กับฉันและเพื่อนอยู่ ขอชื่อและนามสกุลคุณด้วยฉันจะร้องเรียน เท่านั้นแหละบอร์ดดิ้งพาสออกได้เลยทั้งของดิฉันและเพื่อนโดยที่ไม่ได้ขอดูเอกสารตั๋วทีเหลือของเพื่อนเลย
ในกระทู้แนะนำดิฉันคิดว่าเป็นคราวซวยของผู้โดยสารที่มาเจอพนักงานเชคอินที่ขาดประสบการณ์มากกว่า แม้จะเป็นแอร์เอเชียถ้าเขาเจอพนักงานเชคอินที่มีประสบการณ์ไม่กลัวตัวเองจะเดือดร้อนเกินไป คิดว่าไม่จบแบบนี้
กรณีนี้กับแอร์เอเชียไม่ใช่ไม่เคยเกิด เกิดที่สุวรรณภูมิก็มี เรื่องราวฟังแล้วทุเรศกว่าเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป
เพิ่มเติมข้อความ
ดิฉันเคยเดินทางด้วยแอร์เอเชียไปมาเก๊า โดยที่ตั๋วขากลับเป็นฮ่องกงกทม โดยที่ไม่ได้ verify เอกสารทีเคาว์เตอร์เชคอิน ปรินท์บอร์ดดิ้งพาสมาจากบ้านแล้วก็เดินไปขอใบตมที่เคาว์เตอร์สายการบินโดยที่ไม่ได้ verify ใดๆ เดินไปตมก็ไม่ได้ขอดูตั๋วกลับทั้งตมไทยและตมมาเก๊าค่ะ ถ้ามันเป็นกฏที่ถ้าไม่ใช่แบบนี้ต้องไม่ได้ ดิฉันคงไม่ได้ออกนอกประเทศไปแล้วล่ะค่ะ หรือจะอ้างว่ามันเป็นการหยวนๆหรือผ่อนปรนก็ไม่ใช่อีกเพราะไม่มีใครถามหาเลยซักที่ แม้แต่เอกสารที่ยืนให้ตมโดยไม่มีการประทับตรา verify ตมก็ไม่มีปัญหา
การที่คุณไม่ไป counter check in อันนี้เจ้าหน้าที่ของ AirAsia เค้าจะไม่รู้ จนกว่า ตม. จะเป็นคนแจ้งมา
นั่นหมายความว่า เจ้าหน้าที่ ตม. เค้าอาจจะไม่ได้ verify หรือดูตั๋วกลับ จะโทษสายการบินก้อไม่ได้หรอกค่ะ
ถ้าอย่างนี้ต้องเป็นทาง ตม. เพราะสายการบินเค้าก้อไม่รู้หรอกว่าคุณไป verify เอกสารหรือป่าว อาจจเป็นไปได้ว่า วันนั้นคุณคงโชคดีที่เค้าไม่ตรวจ แต่ก้อคงไม่โชคดีแบบนี้เสมอไป ถ้าคุณไปเจอ ตม.ที่เข้มงวด เค้าก้อคงขอตรวจ ถึงแม้ว่าคุณจะมีเอกสารครบ
ที่ถามเรื่อง Verify เอกสารที่เคาว์เตอร์ ดิฉันเดือนไปขอใบตมที่เคาว์เตอร์แอร์เอเชียกับพนักงานนั้นดิฉันถามเขาเลยว่า ดิฉันไปมาเก๊าไม่ต้องใช้วีซ่าและพาสปอร์ตมีอายุเหลือมากกว่าหกเดือน ต้อง Verify ไหมคิวยาวมาก พนักงานก็ยื่นใบตมให้แล้วก็บอกไม่ต้องก็ได้ เพราะฉะนั้นการที่บอกว่าสายการบินไม่รู้นั้นไม่ใช่ค่ะ
การ Verify เอกสารไม่ใช่กฏว่าสายการบินต้อง verifyแล้วถึงจะไปผ่านตมได้ ถ้าไม่ verify แล้วตมจะต้องส่งกลับมาสายการบิน
การ verify เอกสารของสายการบินทำเพื่อตรวจดูว่าเอกสารสำคัญที่จำเป้นนั้นมีครบและถูกต้องหรือเปล่าเท่านั้นค่ะ เพียงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่าเชคอินไปแล้วพาสปอร์ตอายุเหลือไม่ถึง
และการ verify เอกสารที่สำคัญที่สุดคือการเดินทางไปประเทศที่ต้องมีวีซ่า
ตมไม่ได้สนว่าเอกสารนั้นสายการบิน verify หรือไม่แต่ตมจะสนถ้าเอกสารที่ครบไม่ถูกต้อง และถ้าเจอไม่ถูกต้องก็ไม่ผ่าน เมื่อไม่ผ่านก็ต้องย้อนกลับไปสายบิน
มันไม่ใช่กฏว่าเขาต้องทำ แต่เขาทำเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ต่างหาก
ถ้ากฏมันเคร่งครั้งจริงๆ ตมต้องขอดูตั๋วกลับทุกคนค่ะไม่ว่าจะตมขาออกหรือขาเข้าแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ค่ะ
อย่าหลงประเด็นค่ะ ลองไปถามคนที่เดินทางด้วยตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวในประเทศที่มีพรมแดนติดกันดูว่ากี่คนที่เข้าไปได้โดยไม่มีตั๋วกลับที่ไม่ใช่สายการบินหรือตมไม่รู้ แบบไม่ใช่เกิดจากโชคดีอย่างที่หลายคนว่าน่ะคะ
ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะเดี๋ยวจะเป็นกระแสให้คนที่เข้าออกประเทศด้วยระบบขนส่งต่างกันจะเดือดร้อนต้องเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินขากลับไว้โชว์เพื่อให้ได้เชคอิน
มันก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดนะคะ จะเหมาว่า ทุกคน “ต้องมีตั๋วไปกลับ” เวลาจะบินออกนอกประเทศ ถ้าไม่มีจะไม่ได้บิน นี่ก็ไม่ถูกต้องค่ะ
ดิฉันบินมาการ์ต้า โดย business visa 15 days ค่ะ ไม่มีตั๋วกลับค่ะ ก็บินออกมาแล้วค่ะ มาทำวีซ่าทำงานที่นี่ค่ะ แล้วกลับอีกที อีก 3 เดือนค่ะ เป็นตั๋วเที่ยวเดียวแน่นอน ไม่ใช่ตั๋วเปิดค่ะ ตอนที่ออกยังไม่มีวีซ่าทำงานนะคะ ก็เป็นบิสเนสวีซ่า 15 วันแค่นั้นแหละ
คือมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคุณ และของ จขท เช็คอิน และ ตม นะคะ หากคุณ clarify เขาได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ก็แย้งๆ
ถ้าคุณต้องการใช้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่าสำหรับบางประเทศ คุณต้องมีตั๋วไปกลับ
แต่ถ้ามีวีซ่าแล้วเช่น วีซ่าทำงาน เรียน หรือท่องเที่ยวที่เค้าไม่ได้ระบุว่าต้องแสดงตั๋วกลับ ก็ไม่เข้าในกฏนี้
เล่าประสบการณ์ของคนที่ทำงานวงการตั๋วเครื่องบิน ตัวเองส่งลูกค้าบินไปหลายหมื่นคนและหลากหลายสายการบินมาแล้ว ตลอดระยะเวลา 6 ปี ได้รู้ถึงปัญหา รู้ถึงกฏกติกาของสายการบิน จึงอยากจะมาแบ่งปันคะ ถามว่าเวลาไปต่างประเทศจำเป็นไหมที่ต้องซื้อตั๋วไปกลับ ตอบเลยค่ะ ว่าจำเป็น ยกเว้นวีซ่าทำงาน วีซ่านักเรียน วีซ่าแต่งงาน วีซ่าธุรกิจ(บางกรณี) และวีซ่าที่ระบุว่าเป็นคนประเทศที่เดินทางไป และบางกรณีอาจจะอะลุ่มอล่วยในกรณีประเทศที่มีชายแดนติดกับไทย แต่ก็ต้องชี้แจงหรือมีหลักฐานว่าจะกลับยังไงค่ะ ผู้ที่ถือวีซ่าท่องเที่ยว ไม่มีใครถืออภิสิทธิ์ถือตั๋วเที่ยวเดียวเดินทางไปต่างประเทศได้หรอกค่ะ ถึงเขาจะออกวีซ่าให้คุณได้เข้าออกได้เดือนหลายครั้งแต่วีซ่าไม่ได้บอกว่าให้คุณอยู่ประเทศเขาได้ตลอดไป ที่กล่าวมานี้เพราะเกิดเหตุการณ์กับผู้โดยสารหลายคนมาแล้ว ที่ดื้อ ที่เบ่งว่าฉันเป็นใคร ทำงานอะไร จะไปอยู่ประเทศเธอทำไม บ้านฉันงานฉันก็มี บอกตรง ๆ ว่าไม่เกี่ยวกันค่ะ คุณรู้ไหมว่าแต่ละวันคนไทยลักลอบไปทำงานที่ต่างประเทศกันกี่คน มีทั้งผ่านตมได้และผ่านไม่ได้ เพราะอะไรค่ะ เพราะบางครั้ง ตมหรือเจ้าหน้าที่เช็คอิน 2 มาตราฐานและไม่เข้มงวดต่อผู้โดยสาร ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์ที่ว่า ทำไมฉันซื้อไปได้ไม่เห็นใครว่า ไม่เห็นใครตรวจ อ้าวแล้วทำไมฉันโดน เขามาขอดูเงินฉัน เสียมารยาท ก็ว่ากันไป
หลายครั้งค่ะที่เราเตือน ผดส ว่าจำเป็นต้องซื้อ ก็เถียงค่ะว่าครั้งก่อนก็ได้ เราก็ไม่เป็นไรแต่คุณต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นนะ ปรากฎไปเช็คอินเจ้าหน้าที่ถามหาตั๋วกลับ ไม่มี ก็ยืนทะเลาะกัน สุดท้ายโทรมาหาเราให้เราช่วยหาตั๋วให้อีกใบ เราจะไปหาที่ไหนได้ละคะ นอกจากคุณต้องเลื่อนวันเดินทาง หรือซื้อที่สนามบิน สุดท้ายซื้อที่สนามบิน ตั๋วขาเดียวรวมกันสองขา ราคาเกือบเท่ากับตั๋วไปกลับ 2 ใบเลย สุดท้ายแอบติงเราว่า ทำไมไม่แจ้งให้ชัดเจน -_-”
ที่เล่ามาคือแค่เศษเสี้ยวของปัญหาเรื่องการเดินทางและอื่น ๆ อีกมากมาย เท่าที่เราตามอ่านที่ห้องบลูนี้มาระยะนึง เราเห็นว่ามีอีกหลายอย่างที่ ผดส ไม่ทราบ ไม่รู้ อีกเยอะ และสุดท้ายไม่ได้ดั่งใจ โดนต่อว่า หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็มาตั้งกระทู้ เห็นแล้วละเหี่ยใจ จะให้มาอธิบายทุกกระทู้บอกทุกคนไม่ได้หรอกค่ะ 100 คน ก็ 100 ความคิด 100 อารมณ์ เรื่องบางเรื่องเราควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน เหตุผลที่ชัดเจน ก่อนที่จะมาตั้งกระทู้ต่อว่า อย่าตั้งให้มันเป็นกระทู้อารมณ์กันให้มากนักค่ะ
อยากฝากถึงสายการบินและเอเจ้นต์ด้วยว่า ควรให้ข้อมูลที่ชัดเจนและข้อจำกัดต่าง ๆ ให้แก่ ผดส ให้เข้าใจอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาและข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วยค่ะ